Hello world!

Welcome to WordPress.com. This is your first post. Edit or delete it and start blogging!

Posted in Uncategorized | 1 Comment

I like This guy, Kwon Jiyong

[สไตล์และเรื่องราว] เจ้าพ่อแฟชั่น จีดราก้อน :: กางเกงแดง สูทเขียว..
ทุกอย่างกลายเป็นเทรนด์ของเขา

เป็น เรื่องยากมากที่เราจะบรรยายจีดราก้อน(ควอนจียง 21 ปี) ได้ เขาเป็นลีดเดอร์ของกลุ่มศิลปินไอดอลจาก YG entertainment และเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘perfectionist Ji-Yong’ หรือ ‘Jingyo’ ในหมู่แฟนๆ เขาไม่ได้เก่งแค่เพียงเขียนเนื้อเพลง แต่ยังรวมไปถึงการแต่งเพลง และเขายังเป็นแฟชั่นนิสต้าที่ใส่ทุกอย่าง ทั้งผ้าพันคอ แว่นกันแดด เขาสวมใส่มันเหมือนเป็นเทรนด์หลัก เขาสามารถเปลี่ยนทรงผมจากน่ารักๆ กลายเป็น ทรงโมฮอค สรุปได้ว่า เขาเป็นไอดอลที่มีพลังเยอะมาก แต่ก็เป็นนักดนตรีที่น่ารักมากด้วยเช่นกัน

จี ดราก้อนกลายเป็นสมาชิกของ ‘Little Rula’ เมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบ (แม่ของเขาเป็นคนช่วยเหลือ) และเติบโตขึ้นเป็นแร๊พเปอร์เกรด 6 ในปี 2001 ด้วยสไตล์ฮิพฮอพ กางเกงโคร่งๆ และสวมหมวกเอียงๆ เขาถูกสังเกตเห็นจากยางฮยอนซอกแห่ง Seotaji and the Boys และกลายมาเป็นเด็กฝึกหัดในวายจีเอนเตอร์เทนเม้นต์ 6 ปีต่อมา เขาได้รับการฝึกและร้องเพลงเป็นพันๆ ครั้ง รวมถึงเรียนเต้นซ้ำไปซ้ำมา เห็นได้ชัดถึงเป้าหมายของเขา เป็นนักร้องเหมือน ‘JinuSean’ เมื่อผ่านพ้นก้าวสุดท้ายไปได้ ‘Big Bang Real Documentary’ ในปี 2006 จีดราก้อนสามารถเข้าร่วมใน ‘บิ๊กแบง’ ร่วมกับ แทยัง ท๊อป แดซอง และซึงรี ในปี 2006 บิ๊กแบงก็สามารถเดบิวต์ได้สำเร็จ และไม่ใช่เพียงแค่ 3 ปี พวกเขาเป็นไอดอลที่มชื่อเสียงมากที่สุดในเกาหลี จีดราก้อนเป็นที่รู้จักว่าเป็น’genius idol’ ในหมู่แฟนๆ เป็นเจ้าพ่อแฟชั่น และเจ้าพ่อเขียนเนื้อเพลงและแต่งเพลง ในรายการทางเคเบิลทีวีรายการหนึ่ง เขาถูกจัดอันดับให้เป็น ‘ศิลปินที่อยากเป็นเจ้าของมากที่สุด’ ความสามารถของจีดราก้อนพัฒนาได้อย่างไรกัน?

สไตล์ลิส ช่างทำผม ผู้จัดการ ช่างภาพ และผู้ออกแบบท่าเต้นพูดต่างพูดกันว่า เขาเกิดมาเพื่อจะเป็นศิลปินจริงๆ แต่เขาก็มีช่วงเวลาที่เป็นดอกไม้ตูมก่อนจะมาเป็นดอกไม้ที่บานเต็มที่

อะไรทำให้เด็กน้อยวัย 5 ขวบ ควอนจียงกลายมาเป็นที่สุดแห่งไอดอลสตาร์ จีดราก้อน สไตล์ของเขากำลังเปิดเผยแล้ว

"ในช่วงแรก เขาไปที่ Dong-Dae-Moon และ Yi-Tae-Won บ่อยๆ”
– สไตล์ลิสต์ Jieun (29)

เข้าทำงาน YG ในปี 2000 เป็นสไตล์ลิสต์ของ 1tym, Lexy และอื่นๆ และเป็นสไตลิสต์ของบิ๊กแบงตั้งแต่ปี 2006

" ตอนที่ฉันมาทำงานให้บิ๊กแบง ทางบริษัทอยากให้สมาชิกแต่ละคนเป็นที่จดจำได้แม้จะมองเห็นจากทีไกลๆ ภาพลักษณ์ที่คล้ายกันของสมาชิกเป็นเรื่องต้องห้าม สไตล์หลักๆ คือ ฮิพฮอพ คอนเซ็ปต์ทั้งหมดจะเป็นในแบบผู้ชายๆ ประกอบกับมีลุคของไอดอลนิดๆ และกลายเป็นเอกลักษณ์"

เรื่องอื่นๆ ที่ทางบริษัทต้องการคือความแตกต่างระหว่าง ‘ภาพลักษณ์ในทุกๆ วัน’ (ภาพลักษณ์ปกติ) และ ‘ภาพลักษณ์บนเวที’ ควรจะมีให้น้อยที่สุด เพราะถ้ามีช่องว่างของความแตกต่างมากๆ ผู้คนจะไม่คิดถึงพวกเขาในฐานะ ‘สไตล์ลิสต์’

เพราะพวกเขาใส่ใจในเรื่องแฟชั่นของทุกๆ การแสดง สมาชิกทุกคนจึงถูกจัดให้เป็นแฟชั่นนิสต้า โดยเฉพาะ จียงและแทยังเรียนรู้มาจาก JinuSean และ 1tym มากมาย ในขณะที่เป็นเด็กฝึกหัดในวายจีมาเป็นเวลา 6 ปี ในช่วงเริ่มต้น พวกเขาไม่ได้ถาม JinuSean และ 1tym ว่าซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ มากจากที่ไหน; พวกเขาไปที่ Dong-Dae-Moon และ Yi-Tae-Won ด้วยตัวเองเพื่อหาซื้อสิ่งเหล่านั้น เรื่องเล็กๆ เหล่านี้กลายเป็นบทเรียนที่สำคัญ จนกระทั่งตอนนี้ จียงก็โทรหาฉันตอนที่ซื้อเสื้อผ้าแล้วก็ถามว่าพวกนี้อยู่ในซีวั่นนี้รึเปล่า แฟนๆ บางคนอาจคิดว่าจียงเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จียงในความคิดของฉันคือ ‘คนฉลาดที่พยายามอย่างมาก’ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องแฟชั่นหรือเพลง เขาได้ความสนใจในวงกว้าง และมีความแตกต่างจากธรรมดาเสมอ แม้แต่ตอนที่เขายุ่งมากๆ เขาก็ไม่เคยจะล้าหลังในการสะสมข้อมูลเรื่องแฟชั่นและเพลงในอินเตอร์เน็ตเลย บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำหนักเขาถึงไม่เคยเพิ่ม (ยิ้ม)

ตอน ที่ฉันออกแบบให้บิ๊กแบง ฉันไม่เคยให้พวกเขาใส่ชุดที่พวกคุณหาได้ง่ายๆ ในเกาหลี ก่อนที่การแสดงใหม่ของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น ฉันจะซื้อของที่เป็นเอกลักษณ์จากต่างประเทศเสมอ อย่างไรก็ตาม ถ้าในตู้เสื้อผ้ามี 10 ตัว จะมีเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่ซื้อมา ส่วนที่เหลืออีก 8 ตัว จะถูกออกแบบโดยทีมสไตลิสต์ สไตลิสต์ 4 คน รวมถึงฉัน ซื้อทุกอย่างจากผ้าจนถึงเครื่องประดับและนำมาออกแบบเอง

มีสมาชิกที่ ดูดีขึ้นตอนใส่ของพวกนั้นมากๆ และก็มีสมาชิกที่ดูดีขึ้นตอนใส่ของพวกนั้นน้อยๆ จียงเป็นคนหนึ่งที่มีมุมมองของแฟชั่นโตขึ้น เขาเป็นคนที่จะพูดว่า ‘ไม่’ เสมอกับสไตล์ที่แนะนำให้ ถ้ามีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน เขาสามารถหยิบกาเกงขาสั้นที่ไม่เหมือนใคร กาเกงแดงและสูทเขียวมาใส่ เพราะความสามารถรอบด้าน จึงเป็นเรื่องปกติที่เค้าจะใส่ ‘สิ่งของแปลกๆ’ ในเรื่องของรูปร่าง เขาเป็นคนที่ค่อนข้างผอม และไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม เพราะเขาเป็นคนไหล่กว้างและแขนขายาวก็เลยใส่อะไรก็ได้ เขายังมีโครงร่างที่เล็กอีกด้วยดังนั้นก็เลยสมารถใส่เสื้อผ้าผู้หญิงได้

จี ยงเกิดมาพร้อมกับผิวที่สวยอย่างเหลือเชื่อ เมคอัพทุกคนต่างตกใจตอนเห็นผิวของเขา จียงมีผิวหน้าที่สวย และเมื่อมองดูดีๆ; เขาไม่ต้องการดูแลเรื่องความงามมากนัก ขอบคุณที่เขาใช้โลชั่นที่ฉันแนะนำตั้งแต่แต่เดบิวต์

บางคนถามฉันว่า ‘จียงกลายมาเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นอย่างทุกวันนี้ได้ยังไง?’ มีคนบางคนที่แค่ใส่เสื้อผ้าที่หามาให้ แต่มีบางคนที่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของเสื้อผ้าและทำให้เป็นของตัวเอง จียงเป็นอย่างหลัง เขาเข้าใจเสื้อผ้าเป็นอย่างดี พร้อมกับการวางตัวที่เหมาะสม ความสามารถในการแสดงรอบด้าน ทั้งหมดนั่นเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เขากลายมาเป็นเจ้าพ่อแฟขั่นใน ปัจจุบัน"

"ลีดเดอร์ผู้มุ่งมั่นที่สามารถวางตัวได้แค่เพียงเฉยชา"
– ผู้จัดการ Kim Nam Gook (28)

เป็น ผู้จัดการของ Gu Hye-Seon และ Se7en มาก่อน และมาเป็นผู้จัดการของบิ๊กแบงตั้งแต่ปี 2007 หลังจากนั้น 3 เดือน กลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของจียง

"ฉันมีความทรงจำส่วนตัวเกี่ยวกับ จียง เมื่อไม่นานมานี้ ฉันลาออกเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว ฉันบอกกับบริษัทและมันก็ถูกยอมรับ จียงทำงานอยู่ในญี่ปุ่นและโทรมาหาฉันอย่างรวดเร็วตอนที่กลับมาเกาหลี เขาพูดว่า ‘คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ คุณลาออกไม่ได้นะ’ โดยไม่ฟังเหตุผลฉันเลยแล้วก็วางหูไป ตอนแรกฉันก็ตกใจ แต่ฉันก็เข้าใจว่านั่นคงเป็นวิธีที่เขาแสดงถึงความรักที่เขามี จากนี้ไปฉันก็ ‘ไม่ลาออกอีก’ และทำงานต่อไป (ยิ้ม)"

หลายๆ คนบอกว่าเขาเป็นคนที่ ‘เฉยชา’ มันเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง เพราะเขาคิดกับตัวเองเสมอว่าเขาเป็นลีดเดอร์ของทีมและไม่เคยลืมว่ามีสิ่งที่ ต้องรับผิดชอบอยู่ ตัวอย่างเช่น เมื่อบิ๊กแบงมีการแสดงบนเวที มีสมาชิก 5คน สไตลิสต์ 4 คน และทีมผู้จัดการจะต้องมาพร้อมกัน ในเวลานี้ จียงเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานอย่างเข้มแข็งและคิดอย่างหลักแหลม อย่างไรก็ตาม ในทุกๆวัน เขายิ้มบ่อยมาก ชอบกินอาหารอร่อยๆ และสนใจเรื่องแฟชั่นมากๆ เหมือนเป็นสิ่งที่มองหาในช่วงอายุ 20 ปี"

"เคยเต้นแรงๆ จนกางเกงขาดหลายครั้ง"
– ผู้ออกแบบท่าเต้น Lee Jae Wook (31)

อยู่ในวายจีในปี 1990 และอยู่ทีมเต้นของ JinuSean, 1tym และ Se7en กลายเป็นคนออกแบบท่าเต้นตั้งแต่ปี 2005

" จียงเกิดมาเพื่อเป็นนักเต้น เขารู้สึกที่จังหวะได้ มีเซ้นส์ของแนวการเต้น เรียนรู้อย่างรวดเร็ว และรู้จักวิธีที่จะเข้าถึงทักษะการเรียนรู้ ก่อนที่บิ๊กแบงจะเดบิวต์ ตอนที่ผมเห็นเหล่าสมาชิกครั้งแรก ผมคิดว่าท่าทางการเต้นของเขาดีที่สุด แม้ว่าที่หนึ่งคือแทยัง(เนื่องจากจียงต้องดูแลเรื่องเขียนเพลงและทำเพลง) เขายังก็ยังเสนอไอเดียที่ดีที่สุดสำหรับการเต้น ท่าเต้นในเพลง ‘Sunset Glow’ และ ‘Last Farewell’ ถูกเสนอโดยความคิดขอจียง จียงและแทยังเต้นกันแรงๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ถ้าพวกเขาใส่ชุดแน่นๆ กางเกงของเขาก็จะขาดทุกที

ก่อนเดบิวต์ พวกเขาเคยฝึกซ้อมมากว่า 14 ชั่วโมงต่อวัน เห็นได้จากใน documentary เมื่อออกแบบท่าเต้นเสร็จ จะเป็นจียงที่ปรับให้เข้ากับสมาชิกแต่ละคน จนกระทั่งตอนนี้ จนกระทั่งสิ้นสุดเรื่องนี้และต่อไปเรื่อยๆ จียงจะเป็นคนตกลงกับเหล่าสมาชิก"

"แรงบันดาลใจทรงโมฮอคเป็นความคิดของจียง"
– ช่างออกแบบทรงผม Kim Tae Hyun (38)

เป็นช่างออกแบบทรงผมของจียงตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัด

" ช่วงเวลาที่มีการแสดง เขาจะไปร้านทำผมเกือบทุกวัน แม้กระทั่งช่วงที่สมาชิกเปลี่ยนทรงผมบ่อยๆ พวกเขาจะได้การดูแลผมทุกครั้ง ดังนั้นผมของพวกเค้าจึงมีสุขภาพดี จียงมีผิวที่ดีที่สุดเหมือนผิวของเด็ก เขาไม่ค่อยแต่งหน้า อย่างน้อยก็แค่ตอนออกทีวี

สไตล์ของสมาชิกทั้ง5 ไม่สามารถเป็นเหมือนกันได้ คนหนึ่งจะไม่ดูโดดเด่นกว่าคนอื่น สีผมของทุกคนต้องไปด้วยกันให้ได้… ยิ่งสมาชิกเป็นต้นแบบแฟชั่นมากเท่าไหร่ ฉันก็ต้องเอาใจใส่และเรียนรู้มากยิ่งขึ้น

เมื่อชื่อเพลงถูกกกำหนด สไตลิสต์จะเป็นคนกำหนดคอนเซ็ปต์ของสไตล์ทั้งหมด และฉันจะออกแบบทรงผม จียง ฃชอบที่จะเปลี่ยนตัวเองบ่อยๆ

ทรง ‘duck’ (ทรงที่ใช้ในการแสดงเพลง Lies) ถูกออกแบบให้เข้ากับความยาวของผมของเขา ผมของเขาสั้นเกินไปที่จะม้วนขึ้น แต่จียงก็ต้องการมันมากๆ ทรงโมฮอคถูกกำหนดเพราะเสื้อผ้าที่ใส่ดูธรรมดาเกินไป แม้แต่ย้อนกลับไปในปี 2001 (ตอนที่จียงมาหาเขาเพื่อให้ออกแบบทรงผม) เขาต้องการที่จะแตกต่างจากทุกคน

จียงดูน่ารักๆ กับทรงผมทรง ‘duck’ พอเขาไว้ทรงโมฮอค ท่าทางของเขาก็เลยดูแข็งแรงขึ้น เกือบ 10 ปีมาแล้วตั้งแต่เรารู้จักกัน (คิมเรียกเหล่าสมาชิกว่า ‘เด็กน้อย’) อย่างไรก็ตาม ทุกๆ ครั้งที่เขาอยู่หน้ากล้อง เขาทำให้ฉันตกใจมาก จียงรู้วิธีพรีเซ็นต์ทั้งเสื้อผ้าและทรงผม และแสดงออกด้วยใบหน้าและท่าทาง คุณจะไม่รักคนแบบนี้ได้ยังไงกัน

เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและรู้จักที่จะปฏิบัติต่อคนอื่นเป็นอย่างดี เขาเป็นคนๆ นึงที่คอยเลื่อนอาหารให้ฉันเวลาที่ฉันหยิบไม่ถึง"

"สามารถเปลี่ยนอารมณ์ให้เข้ากับเสื้อผ้าที่ใส่เพียงแค่เสี้ยงวินาที"
– ช่างภาพ Lee Jung Woon (29)

เข้ามาในวายจีในปี 2004 เป็นช่างภาพให้กับ Se7en ทำงานต่างๆ ร่วมกับบิ๊กแบงเมื่อเร็วๆ นี้

" ในปี 2004 เป็นครั้งแรกที่ผมถ่ายภาพให้จียง เขาดูค่อนช้างจะคล่องแคล่วกว่าคนอื่นๆ เขาเอาของเล็กๆ น้อยๆ มาถ่ายรูปด้วย ผมคิดว่าเขาทำมากไปหน่อยแต่ผลออกมาก็ดูดีทีเดียว

จียงมีใบหน้าด้าน หน้าที่ดูดี ดูแข็งแรง อารมณ์ต่างๆ สามารถสื่อออกมาโดยการถ่านรูปจากด้านหน้า; และส่วนมากผมก็ทำแบบนั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น ผมรู้สึกได้ถึงความเข้มแข็งและความั่นใจผ่านเลนส์ของกล้อง ลุคนั้นตอนนี้ก็ยังคงอยู่ แม้ว่าความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงไป

ก่อนหน้า นี้ เขาเคยโพสต์กับสิ่งๆ ต่าง ที่เขาสวมใส่ ตอนนี้ ถ้าไม่นึกถึงว่าเขาใส่อะไรอยู่ เขารู้จักวิธีที่จะแสดงความรู้สึกอย่างเป็นอิสระ ตัวอย่างเช่น ถ้าเขารอสูทดำและสูทสีๆ ส่งมาแทน เขาก็ไม่ได้สูญเสียความเท่ห์ของเขาไป จียงเพียงแค่เปลี่ยนรองเท้าให้เข้ากับสูท และเปลี่ยนทรงผมตามสูทนั้นๆ ไหวพริบไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาง่ายๆ ถ้าไม่มีความเข้มแข็งและความมั่นใจ ความเป็นมืออาชีพและความตั้งใจของเขา ความปราถนา(อยากให้ดีขึ้น)ของเขามีมาก บางครั้ง พอผมถ่ายรูปเสร็จ เขาอยากให้ผมถ่ายรูปให้โดยใช้ไอเดียของเขา บางที ผมก็ต้องควบคุมเขาในฐานะของช่างภาพ (ยิ้ม)"

งานของจียง

จี ดราก้อนเป็นที่จดจำกันว่าเป็นนังแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จด้วยเพลงดังๆ อย่าง ‘Lies’ และ ‘Last Farewell’ โดยเฉพาะ ‘Lie’ ที่จริงๆ แล้วเป็นเพลงในโซโล่ของเขา แต่ถูกเลือกเข้ามาเป็นเพลงโปรโมตมินิอัลบั้มแรกของบิ๊กแบง ‘Always’ เขาเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนเนื้อเพลงและแต่งเพลงเกือบทุกเพลงของบิ๊กแบงที่ ปล่อยออกมา ตามที่ Korea Music Copyright Associatoin ระบุไว้ มีทั้งหมด 52 เพลง (รวมไปถึงเพลงรีมิกซ์) ที่มีชื่อของเขาอยู่ในนั้น ต่อไปเป็นรายชื่อเพลงหลักๆ ที่จีดราก้อนแต่งให้กับบิ๊กแบง

– This Love (2006): composed by G-Dragon, arranged by G-Dragon (sampled Maroon5’s This Love)
– Shake it (2006): composed by G-Dragon & Brave Brothers, lyric making by G-Dragon, arranged by Brave Brothers
– Lie (2007): composed by G-Dragon, lyric making by G-Dragon, arranged by Brave Brothers
– Last Farewell (2007): composed by G-Dragon & Brave Brothers, lyric making by G-Dragon, arranged by Brave Brothers
– Haru Haru (2008): composed by G-Dragon & Daishi Dance, lyric making by G-Dragon, arranged by Daishi Dance
– Look at me Gwisoon (2008): Dae Sung’s solo song. composed by G-Dragon & Kush, lyric making by G-Dragon, arranged by Kim Jung Mook
– Big Hit (2009): Dae Sung’s solo song. composed by G-Dragon, lyric making by G-Dragon, arranged by Kim Jung Mook

Credit: English translated by 코코마탑횽 @ bbvipz
tiptop.mireene.com

Thai Translated by: Fiilm@mandu

Posted in Uncategorized | 2 Comments

2008 SBS Gayo Daejun

ได้ดูคลิปจากงาน SBS Gayo Daejun หรือ SBS Music War ไปบ้างแล้ว ที่โดนใจก็มีหลายการแสดงเลย
 
อย่าง wonder boys 2 ที่กลับมาตามเรียกเสียงกรี๊ดปนขำอีกครั้ง อันนี้ก็แจ๋ว เจ๋งกว่าของคราวก่อนอีก แต่่สงสัยว่าโจควอนของ 2AM จะเป็นแบบตั๋ม ตอนเต้น หน้าและท่าทางได้อารมณ์มากๆ ฮ่าๆ ขออภัยแฟน 2AM ไว้ก่อนนะจ๊ะ แซวเฉยๆ
คราวนี้เพลงที่นำมาใช้แสดงก็มี kissing you ของ SNSD กับ Nobody ของ wonder girls สองเพลง  เวลาเห็นแทมินกับซึงรีเต้นไปเขินไปแล้วชอบอะ ฮาดี  สาวๆ wonder girls ต้องชอบแน่ ทำให้คิดถึง Music ฺBank special stage เพลง Tell me ของ Bigbang กับ wonder girls เลย  อยากเห็น จียงเต้น Nobody ด้วยอะ คงน่ารักน่าเอ็นดูดี ฮุฮุ 
แต่ HipHop Stage ของ จียงกับซึงฮยอนที่แสดง ก็ดีเหมือนกัน ถึงจะฟังที่แร็พไม่ออกอะนะ แต่แค่เห็นจียงก็มีความสุขแล้ว จียงเวอร์ชันนี้น่ารักมาก เพลงบางช่วงคุ้นอะ แต่ก็ไม่รู้จักอยู่ดี เพลงของค่าย YG หรือเปล่าหว่า
แต่เห็นยองเบกับคนอื่นลุกขึ้นมาโยกด้วย คงจะมันส์น่าดู
ส่วนที่ อีฮโยริ ไม่สามารถร่วมการแสดงด้วยก็น่าเสียดายเหมือนกัน แต่ก็ดีเพราะได้เห็นแดซองร้อง Look at me GwiSoon ซึ่งเป็นเพลง trot ของตัวเค้าเองด้วย พ่อของอีรูชื่ออะไรก็จำไม่ได้อะ ใช่แทจินอารึเปล่าหว่า รู้แต่แกก็ร่วมแสดงด้วย แล้วก็เห็นจียงนั่งยิ้มหน้าบานอยู่ข้างๆซึงฮยอนที่แถวหน้า ท่าทางจะชอบมาก ซึงรียังมีทำท่าตาม ให้กำลังใจกันดีจัง
การดวลเปียโน ยองเบทั้งร้องและเล่นได้ดีมาก เพราะดี  เสียงจุนซูก็ดี แต่เสียงเปียโนของยองเบฟังดูนุ่มนวลกว่า อาจจะเพราะเสียงยองเบเป็นอย่างนั้นด้วยละมั้ง
 
นอกนั้น ยังไม่ได้ดูอีกเพียบเลย ทั้ง Dance Battle แล้วก็การแสดงของ คิมจองกุกในแบบ Turbo อันหลังนี่อยากดูมากๆ กรี๊ดจองกุกอุปป้า
 
 
 
 
Posted in Entertainment | Leave a comment

don’t turn your back, don’t look away, and don’t blink

พบกันได้ในตอนที่ 10 ของ Doctor Who Ep 3 ในชื่อตอน Blink หรือ  Beware the weeping angels ที่จะเอามาฉายอังคารหน้านี้
 
หลังจากได้ดู preview ตอนต่อไปของเมื่อวันอังคารแล้ว ก็อยากรู้ว่าตอนต่อไปเป็นไง เลยไปได้ plot มาจากใน wikipedia
ไหนๆก็หามาอ่านแล้ว ก็เอามาลงบล็อคซะเลย อิอิ ไม่ขี้เกียจเลยนะเนี่ย
 

Doctor Who – Beware the Weeping Angels

The episode, set mainly in 2007, focuses upon Sally Sparrow, who breaks into a dilapidated house called Wester Drumlins to take photographs. There she discovers behind the peeling wallpaper a message from "the Doctor" dated 1969, calling her by name and telling her to "beware the Weeping Angels" and then to "duck now", just before an object launched from behind nearly hits her.

She returns the next day with her friend, Kathy Nightingale. A man, Malcolm Wainwright, soon arrives at the door with a decades-old letter from his grandmother, saying he had promised to deliver it to Sally on this date at exactly this time. The name of his grandmother was Kathy Nightingale. Thinking this is a prank, she searches for Kathy, but Kathy has disappeared. Sally encounters three weeping angel statues, one holding a Yale key. She takes the key and leaves the house, unaware that the Angels have moved and are watching her from the windows.

Sally Sparrow reads the letter, wherein Kathy explains that the Weeping Angels transported her back to 1920 and that she lived a happy and full life. The letter asks Sally to explain her absence to her last close relative — Kathy’s brother Larry, who works in a DVD rental store. Through him, Sally learns about an unfathomable easter egg which consists of a series of random comments of the Doctor, and which has been dispersed into seventeen unrelated DVDs. The easter egg is unusual in that no-one who worked on the DVDs had any idea it was there. While she watches the DVD, the Doctor appears to respond to one of Sally’s comments and then tells her he can hear what she’s saying. Larry gives Sally the list of the DVDs with the easter egg.

Sally goes to the police, where Billy Shipton, a Detective Inspector, shows her a car park full of abandoned vehicles found at Wester Drumlins, including a fake police box with a Yale lock that cannot be opened. Billy then begins to flirt with Sally, asking her to have a drink with him. She laughs, gives him her telephone number and leaves. Outside, Sally realises that the Yale key could be used to open the police box. She runs back to the car park, but Billy is gone; the Weeping Angels have sent him to 1969. The Doctor finds him there and tells him that the Angels send people into the past and feed on the potential energy of futures that will never be. The Doctor asks Billy to deliver a message to Sally, but apologises that it’s going to take a while. In 2007, Billy calls Sally minutes after they last spoke (from her point of view) and asks her to meet him in a hospital. He is now an old man, and he is dying. He explains that he did marry in the past to another Sally, and eventually got into DVD publishing. He is responsible for adding the easter eggs. He gives her the Doctor’s message: look at the list of DVDs. She stays with him until he dies shortly after.

Looking at the list, Sally realises the connection between the DVDs: the seventeen DVDs are the entirety of her own DVD collection. The easter egg was intended for her. Sally and Larry enter Wester Drumlins with a portable DVD player to watch the easter egg. This time Sally provides the other half of the conversation, which Larry adds to a transcript he brought with him. The Doctor explains several things: he has a complete transcript of the incomplete conversation and is reading off an Autocue, which is possible due to the non-linear nature of time. The Weeping Angels are "quantum locked", meaning they turn to stone when a living thing looks at them, even themselves, but when unobserved they are fast and can be deadly, hence it is of utmost importance that she does not blink. They stole the TARDIS from the Doctor and Martha to try to consume the time energy in it, and could potentially absorb enough power to switch off the sun if they wished. However, they have been unable to get inside to access the energy, and it is vital they remain unable to do so. When Sally asks the Doctor how she can defeat the Angels, he cannot answer, as his copy of the transcript has ended because Larry has stopping writing. The Doctor urges Sally to keep her eyes on the Angels, and "don’t turn your back, don’t look away, and don’t blink!".

While Sally and Larry argue about how to proceed, an Angel enters the room. Fleeing, Larry and Sally discover the TARDIS in the cellar. Unwilling to let their prey escape, the Angels cause a light bulb, the room’s only light source, to flicker, allowing them to draw closer to the TARDIS in the few seconds of darkness. Larry and Sally manage to get into the TARDIS and shut the doors, just as the Angels surround it. The DVD that Larry and Sally brought with them activates a protocol in the TARDIS, causing it to return to the Doctor. Sally and Larry are left behind, leaving the Angels trapped forever in a circle, tricked into observing each other.

The final scene takes place a year later, with Sally and Larry running an antiquarian book and DVD shop together; however, Sally is keeping a folder of everything connected with her experience with the Doctor and the Angels. Even though the danger has passed, she still doesn’t understand how the Doctor got the list of DVDs, the transcript, how he knew what to write on the walls, etc. Her obsession has strained her relationship with Larry. When Larry runs an errand, Sally spots the Doctor and Martha emerging from a taxi outside the shop. She quickly runs out and calls to them, and when the Doctor fails to recognize Sally, she realizes he has not yet experienced the events that have so haunted her. Finally understanding fully, she hands over the folder which contains everything the Doctor will need to extricate himself from 1969, and tells him he’ll need it in the future. Sally and the Doctor exchange goodbyes as Larry returns, surprised to see the man from the DVD easter egg.

Sally and Larry return to the shop hand in hand. The episode ends with a repeat of the Doctor’s warning to Sally, this time directed at the viewer, overlaid with flashes of famous bronze and stone statues.

 
ซีรียส์แนว science-fi แบบนี้ ผู้ใหญ่อาจจะมองว่าเด็กๆ ไร้สาระ แต่ถ้าได้ดูอาจจะเปลี่ยนความคิดได้นะ
ยิ่งหลังจากที่ทางทีมงานได้นำกลับมาถ่ายทำต่อแล้วเนี่ย เนื้อเรื่องก็ยิ่งสนุกขึ้น น่าติดตามตลอด
 
แต่ซีรียส์ที่คลั่งที่สุดในตอนนี้ คงเป็น Heroes 3  พอจบตอนที่ แทบคลั่ง อยากดูต่ออีกอะ ตอนแรกว่าจะรอให้ฉายจนจบแล้วค่อยสั่งมาดูทีหลัง แต่ก็ทนไม่ไหวอะ หนังมันล่อตาล่อใจ
ตอนนี้กำลังเชียร์ไซลาร์สุดฤทธิ์  ไซลาร์ แคลร์ ปีเตอร์ จะเป็นยังไงต่อไป ดร.สุเรซละ แบบว่าเรื่องมันไม่สามารถเดาได้เลย พอคิดว่าจะเป็นแบบนี้ ดันออกมาอีกแบบ แต่แบบนี้ก็สนุกดี
 
ส่วน Prison break ก็รอต่อไป เฉยๆ เฮียจะเอามาฮายเมื่อไรก็เอามาเถอะ ชั้นเบื่อแล้ว หนีมันเข้าไป หลังๆเข้าคุกออกคุกกันอยู่นั้นอะ
 
Posted in Entertainment | Leave a comment

YG ขอร้อง GMM Inter ฟ้องแพ่งและอาญา !! อาร์เอส 300 ล้าน

YG Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ชื่อดังของเกาหลีใต้ ต้นสังกัดของศิลปินชื่อดังของเอเชีย อาทิ BigBang,Seven ฯลฯ เตรียมฟ้องดำเนินคดีค่ายเพลงในประเทศไทย "บริษัท อาร์เอส จำกัด" หลังถูกละเมิดลิขสิทธิ์ มิวสิควีดีโอเพลง " Im sorry " ของ ศิลปิน "Gummy" สังกัด "วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์" ที่ถูกลอกเลียนแบบมาทั้งมิวสิควีดีโอ โดยศิลปินที่ลอกเลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์คือ "วงเล้าโลม" ศิลปินค่าย "อาร์เอส จำกัด"  โดยถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ลอกเลียนแบบไปเป็นมิวสิควีดีโอเพลง "เรียนผูกไม่เรียนแก้"

หลังที่จาก"วายจี เอนเตอร์เทนต์เมนต์" ได้รับการร้องเรียนจากแฟนเพลงในเมืองไทย ส่งอีเมล์ไปแจ้งเหตุดังกล่าว
ร้อนถึงผู้บริหาร "บริษัท วายจี เอนเตอร์เทนต์เมนต์ " (ประเทศเกาหลีใต้ ) นาย "ยัง ฮยอนซอก" Yang Hyun Suk ได้เร่งประสานมายัง " บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)จำกัด" ในฐานะเป็นพันธมิตรรายใหญ่
ของภูมิภาคเอเชีย เป็นผู้ดูแลและถือลิขสิทธิ์ ตัวศิลปิน และผลงานของ " วายจี เอนเตอร์เทนต์เมนต์ " ทั้งหมด ใน ประเทศไทย โดยได้รับการประสาน และขอความร่วมมือจาก " วายจี เอนเตอร์เทนต์เมนต์ " ให้ " จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อินเตอร์ฯ" เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ตั้งทีมทนาย หาช่องทางการเอาผิดทางกฎหมายทั้งคดีแพ่งและอาญา และเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน " 300 ล้านบาทไทย" ทั้งนี้" จีเอ็มเอ็ม อินเตอร์ฯ ประเทศไทย"
โดย "นายสุรชัย เสนศรี" กรรมการผู้จัดการ "บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย)จำกัด "กล่าวว่า " ยินดีและให้พร้อมความร่วมมือ ในการเอาผิดโดยการดำเนินคดี ขณะมอบหมายให้ทีมทนาย ดำเนินการอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐานและข้อมูล เพื่อเตรียมยื่นฟ้องจำเลยคือ "บริษัท อาร์เอส จำกัด" ต่อไป"

Credit: board gmminter.com

 

เห็นด้วยที่ประธานยางจะฟ้องร้อง RS  ไม่ใช่ว่าเข้าข้างคนเกาหลีนะ แต่คนไทยทำไม่ถูกอะ เล่นก็อปมาซะหมดทุกอย่าง

ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่มีคนสังเกต ไปดูในเว็บเทมโป ก็ไม่เห็นมีใครพูดถึง จะไปถามในเว็บแฟนคลับของ gummy ก็ไม่รู้ว่าชื่อเว็บไร เลยโพสที่เว็บบิ็กแบงซะเลย  เหอๆ อยากให้คนอื่นรู้บ้างก็แค่นั้น

ถ้าคิดในเชิงบวก ก็แสดงว่า MV เพลง i’m sorry นะดีมาก(ซึ่งก็ดีจริงๆอะ)   ทาง Rs ก็อยากจะสร้าง MV แบบนั้นมั้ง แต่ด้วยความสามารถน้อยนิดหรือจะบอกว่าไม่มีความคิดสร้างสรรค์มากพอ ทำไปทำมาเลยกลายเป็นลอกเลียนมาประเภทที่ว่าเทียบกันฉากต่อฉากได้่เลย ถึงจะมีเปลี่ยนฉากการที่พระเอกรู้การตายของแฟนสาวแต่ก็ทำได้แย่อะ ดูแล้วน่าสมเพชสุดๆ

เอ๊ะ นี่เราคิดในเชิงบวกแล้วเหรอเนีี่ย ลืมตัวไปนิด

งั้นก็มาคิดในเชิงบวกกันใหม่ เราก็จะได้ข้อดีของการที่เล้าโลมไปก็อป MV ของ Gummy มาหลายข้อเลย อย่างเช่น
 – ทำให้รู้ว่าต้นฉบับทำเอาไว้ดีกว่ามากแค่ไหน
 – โปรดิวเซอร์์ของเค้าเก่งกว่า และความคิดสร้างสรรค์ดีกว่า
 – ฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก และองค์ประกอบใน MV อย่างแสง เสียง ภาพ ของเค้าดีกว่ามากๆ มอเตอร์ไซต์ก็เท่ห์กว่าเยอะ
 – นักแสดง ของเค้าหน้าตาดีกว่า นางเอกก็น่ารัก น่าทะนุทนอน  พระเอกก็หล่อเข้ม หน้าตาดี น่าเก็บเอาไว้ในคอลเล็กชั่นส่วนตัว
 – etc…

แค่นี้ก็พอละ ใครอยากรู้ความแตกต่างของสอง MV ก็ลองไปดูที่ youtube นะ ไม่อยากเอารูปมาเทียบกันให้เห็นอะ ดูแล้วอายแทน

 

edit:

Credit image from vipThailand + bigbangthailand

Posted in News and politics | 1 Comment

[Article] 50 คำถามจากแฟนๆ

1.เมื่อไหรที่พวกคุณพุดถึงความในใจของกันและกัน?
– พวกเราคิดว่าพวกเราทุกคนมีบุคคลิกที่แตกต่างกัน แต่ว่าก็ยังไม่เคยพูดอะไรนะครับ ( G-dragon ตอบ )

2.ถ้าเกิดว่าวงไม่ได้ชือ่Big Bang ล่ะ อยากจะให้ชื่ออะไร?

ตอนแรกเริ่มเลยเนี่ย วงของพวกเราชื่อว่า "Apex" ต่อมาก็ " Stump"
แต่ช่วงนั้นพวกเราก็คิดชื่อวงว่า " Diamond " ด้วย
ซึ่งG-dragonอบากให้ชือ่ Diamond แต่ยง ฮยอน ซอกคิดว่าชื่อนี้ดูเด็กเกินไป

3.เรียนได้เกรดดีที่สุด/คะแนนเท่าไหร?

Taeyang – ตอนที่ผมเรียนอยู่ม.ต้นผมอยู่อันดับสิบ10นะ แต่ว่าตอนที่เรียนอยู่ม.ปลาย ผมได้ที่ 30 จาก 100ตอนที่สอบเลข

G-Dragon
– ตอนที่ผมเรียนอยู่ม.ปลาย ผมได้ คะแนน 87 คะแนนคือคะแนนที่ดีที่สุดของผม
ช่วงที่ผมเรียน ม.2 ตอนนั้นผมกำลังทำกิจกรรมร่วมกับค่ายYG
Familyอยู่ก็เลยได้แค่ 64 คะแนน แล้วพ่อกับแม่ผมบอกว่า "
ถ้าเกิดว่ายังได้คะแนนน้อยแบบนี้อยู่ ก็ไม่ต้องรับใบประกาศมันซะดีกว่า"
ดังนั้น คุณยางฮยอนซอกเลยบอกกับผมว่าถ้าเกิดว่าไม่ได้คะแนน 80
คะแนนผมจะไม่ไดออกจากห้องซ้อมเลยแล้วหลังจากนั้นผมก็ได 80 คะแนนจริงๆครับ

Daesung – ตอนที่เข้าเรียนใหม่ๆผมได้ 85 คะแนนนะ แต่ว่าตอนม.2ผมติดเกมส์มากก็เลยได้ 62 คะแนน เกือบตกแหนะครับ

Seungri – ผมได้ 81 คะแนนตอนม.1 แต่หลังจากที่ผมเริ่มเต้น ก็ได้แค่ 40คะแนน T__T

TOP – ผมจำไม่ได้ว่า คะแนนที่ผมทำได้ดีที่สุด มันเท่าไหร แต่ผมไม่คิดว่าผมเคยได้คะแนนดีๆแบบคนอื่นเค้าน่ะครับ

4.นิสัยการนอนของสมาชิกในวงแต่ละคนเป็นยังไง?

G-Dragon – เวลาผมนอนหลับผมชอบนอนกอดซึงรี 

Taeyang – ผมชอบนอนละเมอพูดออกมา ผมว่าผมไม่เคยนอนละเมอนะแต่พอฝันทีไรก็จะเริ่มพูดอะไรสักอย่างที่ผมกำลังฝันอยู่ออกมาแต่ผมก็จำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไรบ้าง

TOP -ผมว่าผมไม่มีนิสัยแปลกๆเวลานอนหลับนะ แต่ตอนที่ผมเด็กอ่ะผมชอบนอนละเมอแล้วลุกขึ้นเดิน แต่ตอนนี้เวลานอนผมจะชอบเอา hood คลุมหัว    >> แล้วไง!! เอาฮู้ดคลุมหัวแล้วจะไม่ละเมอเหรอ  ตอบไม่เคลียร์นะเนี่ย

Seungri
– ผมชอบนอนตะแคง ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผมพยายามจะนอนหลีก G-dragon
มั้งครับ เรพาะเค้าชอบนอนกอดผมอ่ะ
แต่พอผมนอนแบบนี้ทีไรนะแดซองชอบผลักผมนอนซะติดกำแพงเลย

Daesung – ผมไม่มีนิสัยเสียเวลานอนหลับนะ ตอนอนเป็นยังไงตื่นมาก็นอนแบบนั้น ผมไม่นอนดิ้นด้วย!     >> เอ แต่ซึงรึ บอกว่าหนูเคยผลักน้องติดกำแพงไม่ใช่เหรอจ๊ะ

5.พวกคุณคิดว่าตอนไหนที่พวกคุณดูดีที่สุด?

G-Dragon – ผมว่าผมดูเท่ห์มากเวลาอยู่บนเวที แล้วยิ่งตอนนี้ ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมไปส่องกระจกดูผมรู้สึกว่าทรงผมของผู้ดูเทห์มากเลย

Taeyang – ตอนที่ผมเต้นบนเวทีแล้วเหงื่อออกครับ แต่บางครั้งเวลาผมส่งกระจกผมก็คิดว่าตัวเองดูเทห์อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

TOP – ผมไม่คิดว่าผมดูดีนะครับ เพราะผมเป้นคนที่ดูดีอยู่แล้ว ใส่อะไรก็ดูดี

Seungri – เวลาผมเห็นความพัฒนาของตัวเอง

Daesung – ผมเวลาเห็นคนอื่นๆมีความสุขกับมุขตลกของผมครับ

>> อา หลงตัวเองกันเข้าไป   คำถามนี้ มักเน่ตอบดีที่สุด

6. อะไรที่คุณไม่อยากให้แฟนเพลงทำ หรือว่าอยากให้ทำน้อยที่สุด ?

Seungri – ถึงเนื้อถึงตัวครับ เพราะว่า บางคนเดินเข้ามาแล้วชอบจับก้นพวกเรา ( น้องอีไม่ให้จับก้นงั้นเจ๊จับอย่างอื่นก็ได้ โฮ๊ะๆๆๆ )

G-Dragon
– บางครั้งพวกเราโดนดึงผมครับบางทีก็รุมทึ้ง
แต่พอพวกเราเข้าไปในรถเพื่อที่จะไปทำงานอื่นต่อพวกแฟนๆชอบโยนของเข้าไปในรถ
แล้วโดนพว
กเราน่ะครับ ผมอยากจะบอกว่ามันเจ็บมากๆเลยนะ แล้วก็มีแฟนคนนึงเคยขึ้นมาบนapartmentของพวกเราแล้วก็พยายามเอาหูมาแนบฟังที่ประตูห้
องถ้าเกิดว่าพวกเค้าให้ความเป็ฯส่วนตัวกับพวกรเมากกกว่านี้จะดีมากเลยครับ

Taeyang – ผมหวังว่าจะมีคนมาที่apartmenเราน้อยลง ผมอยากจะพักผ่อนน่ะครับแล้วก็ไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย

TOP – เอารูปครอบครัวของผมมาลงinternet ผมรู้สึกผิดต่อครอบครับน่ะครับ

Daesung – แตะต้องพวกเรามากเกินไป ผมชอบนะครับถ้าเกิดว่าพวกเค้าไม่มาลูบๆคลำๆตัวพวกเราเนี่ย

TOP
– ช่ายครับ คือบางครั้งเนี่ย มันทำให้รู้สึกว่า
บางทีลูบๆคลำๆจนจะเอากางเกงในผมออกมาอยู่แล้ว
แต่คือมันเป็นแค่ความรู้สึกวูบนึงน่ะครับแต่ตอนนี้หายไปละ

>> อาฮะ ไม่ชอบโดนลวนลามนั่นเอง  
แต่แหม  ก็เข้าใจแฟนคลับเหมือนกัน ยิ่งกรณีของเทมโปเนี่ย  น่าลูบไล้ที่สุดดดด

7. ใครคือคนต้นคิดให้ซึงรีใส่กางเกงรัดรูปใน Teh Gag Concert มันเป็นที่กล่าวขานกันมากเลย

-เป็นความคิดของ G-dragonครับ แต่ว่ามันไม่ใช่กางเกงรัดรูปนะ เค้าเรียกว่า Legging ต่างหาก ( ซึงรีพูด )

8. ใครขี้เหนียวที่สุดในวง?

-Taeyang! เวลาพวกเราได้ของจากแฟนนะพวกเราจะมีที่เก็บเฉพาะแต่เทยังไม่ครับ เค้าจะเอาเข้าห้องตัวเองเลย

9. เคยอิจฉาสมาชิกคนอื่นในวงบ้างหรือป่าว แล้วคุณคิดว่าควรจะเรียนรู้และเปลี่ยนตัวเองอย่างไร ?

Daesung – ความเป็นผุ้นำของจียงครับ ผมอยากเรียนรู้ว่าการเป้นผู้นำคนอื่นเนี่ยจะต้องทำอย่างไรบ้าง     >> ท่าจะยากนะ แดซอง   จียงนี่เป็นตัวของตัวเองสูงมาก  selfสุดๆ  เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้วล่ะ

G-Dragon – พวกเราแต่ละคนมีบุคคลิกที่แตกต่างกันซึ่งความจริงแล้วเนี่ยผมอยากเรียนรู้อีกหลายๆอย่าง
แต่ด้วยบุคลิกของผมแล้ว มันเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับเทยังโดยสิ้นเชิง
ซึ่งผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมาหรือไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมาย 
ในขณะที่แทยังเป็นคนใจดี สบายๆ คือผมอยากเป็นคนที่ดูอบอุ่นแบบเทยังน่ะครับ

Taeyang – รอยยิ้มสดใสของแดซอง แม้ว่าผมจะเป็นคนยิ้มบ่อยแต่ใครหลายๆคุณพูดกันว่ารอยยิ้มของผมเมหือนเต็มไปได้วยความเศร้า ซึ่งรอยยิ้มของแดซองนั้นดูแล้วมีความสุขอ่ะครับ

TOP
– คงามตั้งใจของมักเน่ครับ
เวลาเค้าทำงานเสร็จเนี่ยผลงานของเค้าจะออกมาดีมาก
จียงก็เช่นเดียวกันซึ่งสิ่งนี้แหละที่ผมอยากจะเรียนรู้จากทั้ง 2 คนครับ

Seungri – ความรู้สึกของ TOP ครับ เค้าเป็นคนที่มีอารมณ์ขัดมาก ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอารมณ์ไหนหรือสถาณะการณ์ไหนก็ตาม

10. สมบัตืที่มีค่าของแต่ละคนคืออะไร?

Daesung – ผมชอบเดินถือโทรศัพท์ เครื่องเล่น Mp3 ลิปมัน

Seungri – Mp3 ผมอยู่ไม่ไดถ้าไม่ดนตรี ซึ่งผมทำหูฟังหายไปแล้ว

TOP – กระเป๋าเป้ผมครับ เพราะของทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดเลย เป้นของที่คนในวงให้ผมน่ะครับ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่สะพายติดตัว

Taeyang – เปียโนที่ผมได้ตอนเด็กๆ ผมมีความฝันว่าอยากเป็นนักเปียโน แม่ผมก็เลยซื้อให้ผมครับ

G-Dragon
– เสื้อผ้า, รองเท้า , หมวก
ก็มีอยู่แค่นี้ แต่ถ้าเกิดว่าผมเสียมันไป ผมก็หาซื้อไม่ได้อีก
มันกลายเป้นนิสัยของผมที่ชอบเก้บสะสมมันไปแล้ว

11. ไหนพูดถึงจูบแรกของพวกคุณให้ฟังหน่อยซิ?

G-Dragon
– ตอนที่เข้าเรียนม.ปลายใหม่ๆ หน้าบ้าน
ผมจูบครั้งแรกกับแฟนด้วยจูบที่นุ่มนวลครับ
ที่ผมทำก็เพระอยากจูบแล้วผมก้ชอบเธอ ตอนนั้นใจผมเต้นแรงมาก
แต่สุดท้ายเราก็เลิกกัน

Taeyang – ก็เดือนกันยาที่ผ่านมาไงครับ
ถ่ายmusic vdo ใน album 2  
  >> อันนี้ได้ข่าวว่า หลังจากที่จูบกับนางเอกในMV แทยังก็โทรไปหาเพื่อนในวง บอกว่าตัวเองต้องตายแน่ เพราะเพิ่งเสีย first kiss ไป  คิดแล้วขำจริงๆเลย

TOP – ของผมตอน ม.1 เกิดขึ้นที่แม่น้ำฮัน ผมอยู่กับแฟน 2คนแล้วก็ เกิดอยากจูบขึ้นมา แต่มันก้เป็นจูบที่นุ่มนวลนะครับ 
    >> ไหนเคยบอกว่าอยากเก็บเป็นความทรงจำไง  สุดท้ายก็เล่าจนได้

Seungri – ของผมตอน ม.3 ที่สวนสาธรณะ ตอนนั้นฝนตกครับ ที่เราจูบกันเพราะเรา 2 คนหันมาสบตากัน

Daesung – ของผมตอน ม.3 ครับ จูบกับแฟนที่ร้านกาเฟร้านนึง ที่จูบกะเพราะเราชอบกัน

12. ใครเป็นคนที่เวลาโกรธแล้วน่ากลัวที่สุด?

G-Dragon
– เวลาผมทำงานนี่ผมน่ากลัวนะ
ผมไม่คิดว่าสมาชิกคนไหนเคยโกรธแบบสุดๆอ่ะครับ
แต่ผมว่าตัวผมเนี่ยชอบอารมณ์เสียง่ายเวลาฝึกซ้อม
เพราะพวกเราถูกจับตามองแล้วก็ทำงานหนักด้วย
>>
อืม น่าจะเป็นอย่างนั้น   รองลงมา ขอยกให้เทมโปละกัน 

13.คุณเคยแอบเค้ามาดูแฟนcafe หรือป่าว?

Seungri – เคยครั้งเดยวครับ มีคนเขียนอะไรบางอย่างไม่ดีเกี่ยวกับผมเนี่ยแหละผมก็เลยเขียนข้อความกลับไปแบบว่าในเชิงบวกเกี่ยวกับตัวผมเองในwebsite

14. ใครคือคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วอึดอัด?

G-Dragon – ไม่มีนะครับ ส่วนตัวผมเองอาจจะเป็นคนที่น่าอึดอัด แค่จากประสบการณ์แล้วไม่มีนะ

Taeyang – ไม่มีครับ เท่าที่ผมเห็นนะ ก็มีแต่เวลา 2 ซึงฮยอน อยู่ด้วยกันอ่ะ

Seungri – บางครับผมรู้อึดอัดนะเวลาผมอยู่กับแดซอง 2 คน

TOP – ผมไม่คิดว่าอยู่กับใครแล้วอึดอัดนะ

Daesung – ไม่มีนะครับ แต่ว่าซึงรีอ่ะคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ??

15.อยากจะเลิกเป็นนักร้องบ้างมั๊ย?

Daesung – เวลาผมอยู่บนเวลาเวทีและไอ้ที่ซ้อมๆมานั้นไม่ได้แสดง.. จะว่าไปบางครั้งผมก็รู้สึกแบบนั้นนะ
 
Seungri
– เวลาที่ผมโดนคนหลายๆคนดูหมิ่นเพราะว่าผมยังเด็ก
ถึงผมยังเด็กแต่ผมก็ทั้งร้องทั้งเต้นได้
แต่บางครั้งก็มีคนพูดแก้ตัวให้ " อืมม ก็ดีนะยังเด็กอยู่เนี่ย"

TOP
– เวลาที่ผมเห็นคนหลายๆคนรู้สึกไม่พอใจ
บางครั้งแฟนๆที่เราเจอกันบ่อยก็ไม่ค่อยมาให้เห็น
—ผมไม่ขอยกตัวอย่างละกันแต่มันคือความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

Taeyang – ผมไม่เคยรู้สึกอย่างจะเลิกเป็นนักร้องเลย แต่บางครั้งผมแค่รู้สึกอยากหนีเวลาโดนบังคับแม้ว่าผมจะไม่สามารถทำได้ก็ตาม

G-Dragon – ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

16. เคยเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกในแฟน cafe มั่งมั๊ย

G-Dragon
– เคยสิ เยอะเลยแหละ บางครั้งผมก็อยากรู้เรื่องของพวกเค้านะ
ผมก็เป็นเหมือนพวกเค้าน่ะแหละ อืมมที่ผ่านมาผมเคย สมัครของBoa กะ Ivy
Fancafesนะ อย่างครั้งแรกที่ผมเห้น Ivy
บนเวทีผมชอบเค้าเลยก็เลยอยากเห็นรูปเค้า
แต่ว่าตอนนี้ชื่อผมมันหมดอายุไปแล้ว web Boa ก็เหมือนกัน

Taeyang – ครั้งเดียว เป็นของ Se7en Fancafe

TOP
– ผมไม่เคยสมัครที่ไหนเลยหลังจากที่ สมัครของ Soetaiji ไป
แต่ผมเคยไปสมัครwebite ของ African-American นะ เอ๊…ของใครน๊า แหน่
อยากรู้อ่ะดิ ??

Daesung – เคยสมัครไปของ คิม บอมซู fan
cafeครั้งนึง ของคิมจองอาที่ Nonstop web ครั้งนึงในชื่อ I Want Kim Jung
Ah นี่แล้วผมpost ด้วยนะ

Seungri – ผมเคยสมัครของ Shinhwa ,
ดงบังชินกิ และก็ นัม ยองจุนแฟนคาเฟ่ แล้วก็มีคนอื่นอีกนะ ผมน่ะชอบฟุตบอล
เคยเข้้าไปสมัครในwebของ ปัก จีวอง แล้วก็ ลี ยังพโยด้วย .

17.ใครคือคนที่คุณต้องรีบโทรหามากที่สุด

G-Dragon – พ่อ

Taeyang – แม่

Seungri – เบอร์ของคนที่บ้าน

Daesung – แม่

TOP – แม่

18. คุณเคยเห็นมั่งมั๊ยว่าตอนไหนที่รู้สึกว่าเสี่ยอู๊ดน่ารักแล้วก็แสนดี?

G-Dragon
– Mr. Yang Hyun Suk เป็นคนที่รักรองเท้ามากๆ lovees shoes
ครั้งนึงผมเคยเห็นเค้าได้รองเืท้าที่เค้าอยากได้มานาน แล้วเป้นคู่ที่เค้ารักมาก
ผมเห็นเค้าอวดรองเท้าใหญ่เลย ผมรู้สึกว่าตอนนั้นเค้าน่ารักดี
แล้วก็เวลาที่เค้าฟังเพลงแล้วก็เต้นตาม ผมเคยเห็นนะ
กลั้นหัวเราะอยู่ตั้งนาน

Taeyang – ผมรู้สึกกลัวเค้าอยู่บ่อยครั้งนะ เลยนึกไม่ออกว่าเวลาเค้าน่ารักแล้วจะเป็นยังไง

TOP – เค้าน่ากลัวออก ผมคิดว่าช่วงเวลานั้นมันไม่น่าจะมีทางเกิดขึ้นแน่ๆ ( อีเด็กนี่ -"-)

Daesung – ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเวลาเจอเค้านะ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นเมหือนกัน

Seungri – ไม่เคยเห็นอ่ะ

19. ดนตรีคือ…?

GD
– ดนตรี คืออ๊อกซิเจน ถ้าเกิดคุณไม่มีอ๊อกซิเจนคุณก็หายใจไม่ได้
สำหรับผมแล้วดนตรีก็เหมือนอะไรแบบนั้น
มันคือส่วนหนึ่งของผมถ้าขาดมันแล้วผมก็คงอยู่ไม่ได้ มันคือลมหายใจของผม

Taeyang
– ดนตรีคือส่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีเป็นพิเศษ
บ่อยครั้งที่ผมแสดงสิ่งแย่ๆของตัวผมเองให้คนอื่นเห็น
แต่ดนตรีนี่แหละที่ให้ผมรู้สึกดีขึ้นจริงๆ

TOP – ดนตรีคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์เราได้ ซึ่งมันทำให้คุณมีทั้งความสุข และความเศร้า

Seungri – ดนตรีคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีดนตรี

Daesung – ดนตรีคือเพ่อนของผม เป้นสิ่งที่ผมต้องการเสมอ ซึ่งถ้าไปไหนมาไหนยังไงก็ต้องมีสิ่งนี้ไปด้วย

20. นักร้องหญิงคนไหนที่พวกคุณอยากจะร่วมร้องเพลงด้วย ?

GD
– Ivy หลังจากที่ผมเห้นเค้าเต้นผมก็รู้สึกตกหลุมรักทันที
การแสดงของเค้าเป็นการแสดงที่ดีเยี่ยม ผมอยากจะแต่งเพลงhip hopแนว sexy
ให้เค้าจริงๆ

Taeyang – ลีซูน แม้ว่าผมยังข้อบกพร่องอยู่แต่ถ้าทักษะการร้องเพลงของผมได้รัยการยอมรับผมอยากจะร้องเ
พลงร่วมกับเค้าจริงๆ

TOP
– Lyn, Gummy ผมเคยเห็นLyn ทำงานร่วมกับศิลปิน Hip Hopหลายคน
และผมเลยปราถนาที่จะทำงานร่วมกันกับเค้าเช่นเดียวกัน ผมอยากรู้ว่า
จะเป้นความรู้สึกแบบไหนถ้าหากเราได้แต่งเพลงร่วมกัน
เพราะว่าเค้าเป็นศิลปินที่ดูดีหลายแบบ มีสีสันมาก
แล้วผมก็อยากทำเพลงแนวAmerican ร่วมกับGummyด้วย

Seungri – Big Mama เวลาผมฟังเพลงของพวกเค้า ผมรู้สึกขนลุก แล้วผมอยากดูว่าผมจะสามารถแสดงอารมณ์ได้เหมือนกับที่พวกเค้าแสดงหรือป่าว

Daesung
– ปัก จอง ฮยอน (Lena Park) ผมชอบเค้ามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ผมชอบstyle
การร้องเลพงของเค้า
เค้าร้องเพลงเสียงสูงซึ่งผมคิดว่าเสียงของผมเองน่าจะเข้ากับเสียงของเค้า
ด้วยเช่นกัน

21.คุณคิดยังไงเมือ่เห็นแฟนเพลงที่อายุ 20-30 มาดูพวกคุณ?

GD – ครั้งแรกที่เห็นผมรู้สึก surpriseนะ แต่ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นแล้วก็สบายใจเวลาเจอพวกเค้า

Taeyang
– บางครั้งผมคิดนะว่าทำไมพวกเค้าถึงมาเป็นแฟนของพวกเราได้
แต่ผมก็ยังรู้สึกมีกำลังใจจากพวกเค้า
เพราะพวกเค้าให้คำแนะนำที่ดีแล้วก็ให้ความมันใจกับพวกเราด้วย

TOP – ผมรู้สึกเหมือนแทยังนะ ผมรู้สึกเสมอว่าพวกเค้าอยู่เคียงข้างเราเสมอและผมมีความรู้สึกว่าพวกเค้าชอบเพลงเราม
ากกว่าหน้าตา Like TY,

Seungri – ผมรู้สึกภูมิใจนะ เพราะว่าผมเห็นว่าเพลงของพวกเรามันก้าวหน้าขึ้นแล้วก็ดึงดูดคนหลายประเภท

Daesung – ผมรู้สึกว่าพวกเค้าดูแลเราดี ผมคิดกับตัวเองว่า ตอนนี้เพลงของพวกเราเป็นที่ยอมรับกันแล้ว

22. สมาชิคนไหนที่เปลี่ยนแปลงความประทับใจของพวกคุณในครั้งแรกที่ได้เจอ?

GD
– แดซอง เค้าเป็นคนที่ถ่อมตัวแล้วก็ยิ้มเก่ง
แต่บางครั้งเค้าก็ดูเป็นคนขี้เหงาแล้วก็เจ็บปวดง่าย
เค้าเป็นคนที่แสดงความรู้สึกออกเสมอและพยายามเป็นคนร่างเริงด้วย

Taeyang
– ซึงรี ตอนที่ผมเห้นเค้าอยู่ใน Battle Shinhwa
ผมคิดว่าเค้าดูไม่ค่อยจะมีมารยาทเท่าไหร
แต่พอได้รู้จักเค้าจริงๆนั้นผมได้รู้ว่าเค้าเป็นคนที่ร่างเริงและ
สุภาพมากๆ

Seungri – G-Dragon ครั้งแรกผมคิดว่าผมน่ะกลัวเค้ามากเลยเพราะว่าเค้าดูเยือกเย็น แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่มีความเอาใจใส่และตลกแล้วก็มีความเป้นผู้นำด้วย

Daesung – T.O.P เค้าไม่ใช่เป้นคนที่แสดงออกทางสีหน้าเลยทำให้ผมรู้สึกเกรงใจและคิดว่าเค้าเป็นคนเงียบๆ แต่ตอนนี้ เห้ฯว่าเค้าเป้นคนที่ร่างเริงแล้วก็ชอบแกล้งชาวบ้าน อืมม รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วยน่ะ

T.O.P – ?????? ( ไม่มีคำตอบ)

23. อะไรที่คุณได้ยินแล้วไม่ชอบมากที่สุด?

GD – ไม่ชอบคำว่า " พวกเธอมันก็เหมือนกันหมดน่ะแหละ "

Taeyang – เวลามีคนมาตัดสินพวกเราแค่ใบหน้า พวกเรารู้สึกแย่เวลาถูกมองแค่ภายนอก

TOP – "คนนี้ดูน่ากลัวจัง" ผมเกลียดมากเวลามีใครมาพูดว่าผมดูเป็นคนไม่ดี

Seungri – ไม่ชอบเวลามีคนบมาบอกว่าผมเตี้ย อีกอย่างผมรู้สึกเจ็บมากเวลามีคนว่าผมขาสั้น มันทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ

Daesung
– ผมไม่ชอบเวลามีคนมาถามว่า อ้วนขึ้นหรือป่าว
คือผมรู้สึกแย่เพราะผมพยายามที่จะลดนำหนักควบคุมอาหารทั้งๆที่ผมอ่ะอยากกิน
แต่ก็มีคนมาพูดกับผมแบบนี้ผมไม่ชอบเลย

24. ถ้าสมาชิกในวงคุณเป็นผู้หญิง คุณอยากจะไปdate กับใครมากที่สุด ?

GD – ซึงรี เค้าน่ารักและเป็นตัวของตัวเองมาก

Taeyang – แดซอง เค้ายิ้มเก่งนะแถมเวลายิ้มแล้วเค้าดูดี มันดูจริงใจดี

TOP -แทยัง ผมอยากจะทำให้ความใสซื่อของเค้าหายไป   >> เอ๊ะ มันหมายความว่าไงเนี่ย น่าสงสัย

Seungri – G-Dragon ผมคิดว่าเค้าดูแลผมดี

Daesung – T.O.P เค้าดูเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่คนอื่นเก่ง ผมเค้าว่าเค้าสามารถทำให้ผมหัวเราะและมีความสุขได้

25. คุณเคยสนใจอย่างอื่นมากกว่าดนตรีหรือป่าว ?

GD – Fashion ถ้าเกิดผมไม่ได้ทำเพลง ผมอยากจะเรียนเกี่ยวกับด้าน Fashion น่ะ  >> ตอนนี้ คุณเธอก็นำแฟชั่นอยู่แล้วนิ

Taeyang – มันคือความใฝ่ฝันของผมที่ได้มาขึ้นแสดง อืมม ถ้าหากไม่ไดเป้นนักร้อง ก็อยากเป็นตลก

TOP – ผมเคยสนใจพวกfahion ด้วยนะ ผมชอบเสื้อผ้า อย่างเสื้อผ้าเด็ก หรือไม่ก็เปิดร้านขายเสื้อผ้า

Seungri – อยากเป็นคุณครูอนุบาล ผมชอบสอนคนอื่นๆด้วยนะ

Daesung – นักกีฬา ผมชอบ ปัก ชัน โอ จั้งแต่เด็กแล้ว ผมเคยฝันอยากเป็นนักเบสบอลด้วย แต่ผมก็เคยคิดที่อยากจะเป็นบาทหลวงนะ

26. มีชื่อที่แฟนๆตั้งให้แล้วพวกคุณชอบมั่งมั๊ย?

Seungri

"แดซองขี่มังกรขึ้นไปบนจุดสูงสุดของพระอาทิตย์และร้องให้เพราะได้รับชัยชนะ"  แฟนของพวกเรา ส่งข้อความนี้มา เค้าใช้ชื่อของพวกเราหมดเลย

Daesung – "Daesung ภูตแห่งความขำขัน"   มันก็ไม่ได้แปลกอะไรมากเพราะผมคิดว่าผมเป็นคนตลกแล้วก็เคยคิดมุขขึ้นมาเล่นเองด้วย

TOP – สัตว์ร้ายซึงฮยอน อาจจะเป็นเพราะเสียงผมเวลาrapก็ได้ มันใหญ่น่ะ แต่ก็มีคนพูดอีกนะว่าผมคล้ายนกกระสา  >>ก๊าก โดนใจแฮะ

27. ของขวัญจากแฟนๆชิ้นไหนที่พวกคุณได้มาแล้วทำให้คุณรู้สึกประทับใจที่สุด?

GD – ตอนที่ผมเรียนอยู่ม.ต้น วันเกิดวันนั้นผมรู้สึกเศร้าแล้วก็เหงาๆแต่พอได้อ่านจดหมายจากแฟนๆแล้วก็ทำให้รู้สึก
ดีขึ้น

Taeyang – การ์ดที่แฟนๆใช้เวลาทำให้แล้วก็จดหมายจากแฟนๆ มันทำให้ผมสัมผัสและรู้สึกได้ว่า แฟนๆมีความทำยายามที่จะทำสิ่งดีๆให้กับผม

TOP
– ไดอารี่ของพวกเค้า
พวกเค้าเขียนความรู้สึกทั้งหมดลงไปในนั้นตั้งแต่ก่อนผมจะdebut
จนประทั่งผมกลายเป็นBig Bang และเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับการแสดง
ว่าเป็นยังไง รู้มั๊ยว่าผมเก็บมันไว้ข้างๆเตียงตลอดเวลา
แล้วก็เปิดอ่านอยู่บ่อยๆ
แล้วก็สมุดภาพที่แนบมาพร้อมกับจดหมายแฟนๆพยายามทำให้
มันหนายิ่งกว่าสมุดโทรศัพท์อีกนะ

Seungri – albumรูปที่มีรูปผมทั้งหมด 600รูป ทั้งรูปจริงแล้วก็รูปที่capมาจากรายการTV หรือradio

Daesung
– หนังสือที่เขียนด้วยลายมือ ตอนเขียนจบมีดินสอทู่ๆแปะอยู่ด้านหลังปกด้วย
เป็นเหมือนกับว่าดินสอที่ใช้ตั้งแต่ใหม่จนกระทั่งมันกุดเหลือนิดเดียว

28. อะไรคือสิ่งแรกที่คุณทำเมื่อเปิดคอมพิวเตอร์

GD, Taeyang, TOP – ต่อnet

Seungri – เปิดเพลง

Daesung – ต่อเนทเข้าแฟนคาเฟ่

29. เพลงโปรดของแต่ละคนคือ..?

GD – เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ชอบเพลง SOmbody Told Me ของ The Killers

Taeyang – Frankie J – Don’t Wanna Try

TOP – Notorious B.I.G. L Big Papa ผมฟังตั้งแต่สมัยที่ผมยังเด็กๆ

Seungri – Wheesung – อัน ดเว นา โย Ahn Dweh Nah Yo

Daesung – Mario : How Could You

30. สมาชิกในวงคนไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด ?

ทั้ง 4 คนเลือกแดซอง แต่แดวองเลือกแทยังเพราะว่าเต้นเก่ง


ของ G-Dragon:

31. สมาชิกคนไหนที่ไม่เชื่อฟังคุณมากที่สุด?

มักเน่เลย เค้าชอบดื้อแล้วก็ยึดความคิดของตัวเองเสมอ มันยากที่จะไปควบคุมเค้านะ ไม่เหมือนแดซองเลยเชือ่ฟังง่าย

32.
มีแฟนๆหลายคนที่ตั้งชื่อให้คุณว่า " กระดาษทราย จียง "
เหมือนกับว่าคุณดูเอาเรื่องแล้วก็เย็นชา
คุณว่าตัวคุณเองชอบชื่อนี้หรือป่าว?

เวลา
ที่ผมเห็นตัวเองผมก็ว่าตัวเองดูเป็นคนที่เย็นชานะ
แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วข้างในผมไม่ใช่คนแบบนั้น
คนที่รู้จักผมเค้าจะรู้ดีว่าผมเป้นยังไง

33. เห็นคุณชอบใส่หมวกตลอด มันมีความหมายกับคุณยังไง ?

ผมแค่ชอบใส่น่ะ ผมเป็นคนที่จัดทรงผมให้ตัวเองไม่เก่ง ก็เลยชอบสวมหมวกบ่อยๆ ไม่ได้มีความหมายมีอะไรเป็นพิเศษ

34. คุณมีฉายามากมายเพราะว่าการแต่งตัวของคุณ แล้วอะไรที่ทำให้คุณอยากแต่งตัวแบบนั้น ?

ผม
ยืนยันไม่ได้ว่าใครต้องการอะไรบ้าง ถึงแม้มันจะดูตลกในสายตาคนอื่น
แต่ผมพยายามที่จะมีบุคลิกเป็นของตัวเอง ผมพยายามเปลี่ยนStyle
ใมห่ๆไปเรื่อยๆ และผมคิดว่าคนแต่ละคนก็ชื่นชอบ แล้วก้มีคนชมผมหลายคนด้วย

แทยัง :

35. อะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนจากร้อง rap เป็นร้องธรรมดาได้ ?

ผม
รักการร้องเพลงนะ
แล้วผมก็รู้สึกว่ามันคือสิ่งแปลกใหม่เมื่อผมได้ร้องแบบธรรมดา
ผมต้องทำงานหนักมากเลยเพราะผมคิดว่าในอนาคตมันจะให้ให้ผมร้องเพลงได้ดียิ่ง
ขึ้น

36. ได้ยินมาว่าคุณประหม่าเวลาเจอสาวๆ ตอนนี้คุณยังรู้สึกแบบนั้นอยู่หรือป่าว ?

ครับ
, ผมยังรู้สึกประหม่าอยู่เวลาเจอสาวๆ แล้วก็กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย
จริงๆแล้วผมไม่เคยออกไปเดทกับสาวคนไหนเลยเพราะผมขี้
อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนที่ชอบอยู่แต่กับตัวเอง
แต่ว่าตอนนี้มันก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วนะ แต่ให้คุยกับสาวๆตรงหน้า
นี่ก็งคงเป้นปัญญาของผมอยู่เหมือนเดิม

37. อะไรคือเหตุผมที่ทำให้คุณชอบถักเปียทั้งหัว ?

ไม่
มีเหตุผลครับ ผมคิดว่ามันดูเหมาะกับผมน่ะ แล้วผมก็ชอบมันด้วย
ผมเป้นคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรกับผมตัวเอง นานๆผมจะเปลี่ยนทรงผมครั้งนึง
แต่ถ้าเกิดผมมันหนาน้อยน้อยกว่านี้ก็คงไม่ถักเปียไปตลอดหรอก

38. คุณอยู่กับ จียงมาถึง 7ปีแล้ว เคยทะเลาะกันบ้างมั๊ย แล้วใครเป็นคนขอโทษใครก่อน ?

เรา
เคยทะเลาะกันนะ ตอนนั้นอยู่ ม.2 พวกเราเล่นบาสด้วยกัน ผมอยู่ทีมพี่ๆdancer
แล้วเราทั้งคู่ก็ต้องแข่งกัน
จริงๆแล้วผมใกล้จะชนะแต่ก็ต้องแพ้ตอนนาทีสุดท้าย
ผมเลยอยากจะขอแข่งอีกรอบแต่ว่าจียงไม่ยอม
ผมก็เลยกระชากคอเสื้อเค้าเพราะว่าหัวเสียสุดๆ

T.O.P:

39. ทำไมถึงชอบกินขนมยังเก็ง?

ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่กลิ่นมันหอมแล้วก็น่ากินมากๆ แต่ผมจำไม่ได้นะว่าเริ่มชอบตั้งแต่เมือ่ไหร

40. ในเมื่อคุณเป็นพี่ใหญ่ที่สุดของBig Bang คุณเคยมีความรู้สึกที่จะต้องรับผิดชอบอะไรมั่งมั๊ย?

มีตลอดแหละครับ ความรู้สึกที่จะต้องรับผิดชอบสิ่งสิ่งนึง ผมไม่อยากเป็นพี่ชายที่ทำให้น้องๆขายหน้า

41. บอกหน่อยว่าลดความอ้วนยังไง ?

ผมไม่มีวิธีลดน้ำหนักนะ แต่ว่าแค่ระวังเรื่องของพลังงานที่ผมกินไปแล้งก็อาจจะเป็นเพราะความสูงด้วยแหละเลยทำ
ให้ผมดูผอมลง

GD – TOP เป็นคนที่คำนวนพลังงานในอาหารเร็วมาก
TY – เค้ากินทุกอย่างที่อยากกินแต่ก็ ไม่ได้อ้วนขึ้นเลยนะ !

42. ทำไมชอบปกปิดใบหน้าตัวเองตลอดเวลาทั้งๆที่คุณดูดีขนาดนี้ ?

ผม
เป็นคนชอบปิดหน้าปิดตาตัวเองอยู่บ่อย
ผมไม่ค่อยชอบเปิดเผยหน้าตาตัวเองสู่สาธารณะชนเท่าไหรนัก
เพราะว่าบางทีคนอื่นๆชอบคิดว่าผมดูน่ากลัว
ผมเลยไม่ค่อยมีความมั่นใจเกี่ยวกับหน้าตาของตัวเองเท่าไหร

แดซอง

43. ทำไมถึงชอบโดราเอม่อนมากขนาดนั้น?

ผม
เคยอ่านการตูนเรื่องนี้ตอนประถม
คุณคิดสิว่าจะเป็นยังไงถ้าเกิดว่าเอาของออกมาจากกระเป่าแบบนั้นได้
ผมอยากมีมั่งนะ แล้วก็โดราเอม่อนก็น่ารักดีด้วย

44.อยากรู้เรื่องรักแรกของคุณจัก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ?

รัก
แรกของผมเป็นรักข้างเดียวน่ะ ผมชอบเค้าตั้งแต่ป.2 จนถึงป.3
จนเข้าเรียนม.ต้นผมก็ยังชอบเค้าอยู่
5ปีเลยทีเดียวที่ผมหลงรักเค้าอยู่ข้างเดียว
แต่ก็ไม่เคยเข้าไปคุยกับเค้าเลยสักครั้ง
ผมได้แต่แอบมองเค้าอยู่ห่างๆแล้วผมก็ต้องตัดใจหลังจากที่ได้ยินมาว่าเค้ามี
แฟนแล้ว จะว่าไปผมชอบผู้หยิงยิ้มเก่งนะเพระเวลายิ้มแล้วจะดูน่ารักมาก
แต่ว่าdate ครั้งแรกของผมก็ตอนม.3 น่ะครับ

45. อะไรที่ทำให้ครอบครัวของคุณยินยอมให้คุณทำงานเพลง?

ผม
ก็แค่ขอร้องพวกเค้าให้เชื่อในตัวผม
ผมบอกพวกเค้าว่าตัวผมเองรู้ว่าตัวเองสามารถทำได้ดี
และพูดย้ำกับพวกเค้าให้เชื่อใจผม พวกเค้าก็ยังไม่ใส่ใจจนกระทั่งผมได้
debut หลังจากนั้นแล้วผมก็ได้กลายเป้นที่ยอมรับครับ

46.เมื่อไหรทำให้คุณยิ้มไม่ออก ?

เวลาลงมาจากเวที แล้วก็ตอนที่ผมอยู่บนเวทีแล้วทำอะไรพลาดไปผมจะรู้สึกเจื่อนแล้วก็ต้องรับยผิดชอบในสิ
่งที่ตัวเองทำ ช่วงเวลานั้นเอามันทำให้ผมยิ้มไม่ออกเลยจริงๆ คืออยากจะหนีไปไกลๆเพราะคิดอะไรไม่ออกแล้ว

ซึงรี

47.คุณขอบตาคล้ำขนาดนี้ คุณเคยรู้สึกแย่กับมันมั่งมั๊ย ?

ถ้ามีคนถามอ่ะผมจะรู้สึกแย่นะ จริๆงแล้วผมไม่รู้สึกอะไรกะมันหรอ แต่ว่าชอบมีคนมาถามผมบ่อยนี่สิ ทำไมขอบตาคล้ำล่ะนอนไม่หลับอกหักเหรอ

48. พวกพี่ๆในวงชอบก่อกวนคุณมั่งหรือป่าว ? แล้วใครเป็นตัวก่อกวนมากที่สุด?

G-Dragon แต่พี่เค้าทำไปก็เพราะรักน่ะครับผมรู้ ผมไม่คิดว่าเค้าจะน่ารำคาญตรงไหน สิ่งที่เค้าทำให้ผมรำคาญน่ะเหรอ ชอบกอดผมไง !!

49. มีมั่งมั๊ยที่คุณอยากจะร้องไห้ออกมาแม้ช่วงเวลานั้นคุณจะมีความสุขอยู่ก็ตาม?

เวลาที่ผมไปไม่ถึงเส้นชัยของตัวเอง ตอนแรกผมแบอร้องไห้คนเดียวด้วยนะตอนที่ถูกคัดออกจาก Big Bang อ่ะ

50. ไหนบอกมาข้อเสียงของการเป็นน้องเล็กที่สุดในวงมา 5ข้อซิ …

1. มีที่แขวนเสื้อผ้าน้อย

2. เวลานั่งรถผมจะต้องนั่งเบาะหลังทุกครั้ง

3. เวลาไปออกรายการผมจะได้เสื้อผ้าที่พี่ๆเค้าไม่ใส่กัน

4. ต้องเลือกเสื้อผ้าที่หลังตลอดหลังจากที่พี่ๆของผมเลือกไปแล้ว

5. ผมจะต้องจัดตารางงาน เฮ้ยแต่พวกเราก็มีผู้จัดการหนิ เอาเหอะแต่เวลาอยู่บ้านผมก็เป็นคนจัดการเรื่องตารางงานอยู่ดี

Credit: Bestiz ,hiimjunebug@ygbb
Translation by Bigbigthailand

Posted in BIGBANG | 1 Comment

7 คำถาม 7 คำตอบ กับ T.O.P


1. จูบครั้งแรกของคุณเกิดขึ้นที่ไหน?
– ขอไม่พูดถึงครับ อืมม.. ผมอยากจะเก็บไว้ในความทรงจำของผมคนเดียว ขอโทษนะ 
>> อืม หรือจะบอกว่าเรื่องส่วนตัว อย่า… 

2. ข้อแตกต่างระหว่างการเป็นนักร้องและนักแสดงคืออะไร? แล้วอาชีพไหนทำให้คุณสะดวกสบายมากกว่า?
– ผมไม่ได้สบายกับทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ เพียงแต่ว่าผมรู้สึกว่าผมเหมาะสมกับการอยู่บนเวทีมากกว่า
ผมยังต้องการประสบการณ์อีกเยอะในการแสดง ผมอยากที่จะศึกษามันเพิ่มเติม

3. หลายคนพูดว่าที่คุณโกนหัวใน MV ของ Red Roc เป็นเพราะว่ามันดูฮ็อตดี
นั่นเป็นความจริงรึเปล่า? ถ้าไม่งั้นทำไมคุณถึงไม่ยอมถอดเสื้อออกบ้างล่ะ?

– มันไม่ใช่ว่าเพราะโกนหัวแล้วดูฮ็อต แต่เป็นเพราะเพื่อความหมายของ MV
มันเป็นความรู้สึกของคนที่ถูกแทงข้างหลัง แล้วพวกผู้ชายก็มักโกนหัวเวลาพวกเขาจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
มันดูเข้ากันดีกับความหมายของ MV ตัวนี้ ผมเลยตัดสินใจโกนมัน
>> MV ของ Red Roc ที่ว่า คงเป็น Hello แน่ๆ  มาดตอนเฮียจับได้ว่าแฟนมีกิ๊กนี่สุดโหด โดยเฉพาะฉากที่คว้าไม้เบสบอลไปฟาดที่รถอะ โอ น่ากลัวโครต แต่ก็ยังหล่ออยู่ดี

4. คุณรู้สึกแย่รึเปล่า ทั้งๆที่คุณเป็นพี่คนโตสุด แต่ G-Dragon กลับเป็นหัวหน้าวง?
– ผมไม่เคยไม่พอใจในเรื่องนี้เลยนะ G-Dragon มีความเป็นผู้นำสูง และเขาก็สมควรที่สุด
ผมก็แค่คอยตรวจดูในสิ่งที่พวกน้องๆกำลังทำกัน

5. ฉันจำว่าเคยได้อ่านบทความที่บอกว่าคุณนั้นรู้สึกหลงไหลในการแสดงมาก
คุณอยากที่จะเล่นเป็นบทอะไรล่ะ?

ผมเคยคิดนะ แต่ผมคิดว่าผมควรจะต้องกลับไปเริ่มจากจุดเริ่มต้นให้ดีซะก่อน
แต่ผมอยากจะเล่นบทที่ต้องผ่านเรื่องราวในชีวิตของคนอกหัก
>> อยากดูเหมือนกันจ้า


6. มีข่าวลือว่า คุณลืมพาสเวิร์ดเข้าเว็บ Daum ดังนั้นคุณเลยเข้าไปโพสท์ข้อความไม่ได้เลย จริงหรอ?
– ผมไม่เคยได้ยินเลยนะ ผมจำพาสเวิร์ดของผมได้ดี แต่สงสัยจังว่าทำไมถึงพูดกันแบบนั้น ฮ่าๆ

7. ตอนแสดงเพลง ‘คอ จิดมัล’ ทุกคนจะกลายเป็นบ้าตอนที่คุณถอดแว่นตาดำออก
ใครเป็นคนคิดไอเดียนี่กัน? ใช่คุณเองรึเปล่า?

– ใน Perf. ครั้งแรกเลย ผมได้แย้งว่าไม่ว่าจะยังไง ผมจะต้องขึ้นไปแสดงพร้อมแว่นตาดำให้ได้
แล้วในขณะตอนที่แสดงอยู่ มันก็เข้ามาในหัวผมพอดีเลย หลังจากนั้นผมเลยทำมาตลอด
ตอนหมุนนิ้ว ผมก็เป็นคนคิดเองเหมือนกันนะ
>> ไอเดียดี ท่าหมุนนิ้วก็น่ารักนะ ตอนที่ถอดแว่นดำเนี่ย สาวๆกริ๊ดตรึม แต่ท่าจะให้ดี ถอดเสื้อ หรือปลดๆมันบ้างจะดีกว่านะ
ไม่รู้จะหวงเนื้อหวงตัวไปถึงไหน ตอนนอนก็เหมือนกัน ชิ!

Credit : 1tymforyomind @ YGBB
Thai Trans : bigbangthailand.com


Posted in BIGBANG | Leave a comment

[MV] Haru Haru

วันนี้ขอพูดถึง MV Haru Haru ของ Bigbang หน่อยเถอะ เมื่อวานได้มีโอกาสดูทาง true vision ก็เลยรู้ว่าชื่ออังกฤษของ MV นี้คือ  Day By Day
แค่นึก ก็อดยิ้มไม่ได้ เปิดฉากมาก็ชวนกรี๊ดแล้ว อ๊า จียงจะพยายามเท่ห์ไปถึงไหนเนี่ย อย่ามาทำตัวน่ารักแบบเท่ห์ๆได้มั๊ยอะ เห็นแล้วมัน.. ><
คิดอะไรเนี่ย  อะแฮ่ม!
จะว่าไปฉากทะเลาะของเทมจี็ นี่ก็เด็ดเหมือนกัน เหล่าแฟนคลับที่ได้ดูคงกรี๊ดเหมือนกัน  ผู้กำกับขอให้ไปร้องแร็พใกล้ๆหน้า น้องจีก็จัดให้ ใกล้ซะคนดูหัวใจจะY เอ้ย วาย  จียง หนูแอบแรงใช่มั๊ยเนี่ย ชอบๆ แต่อย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นบ่อยๆนะ แค่ไปแร็พจมูกชนจมูกกับเทมโปนี่ก็กลัวเทมโปจะหมั่นไส้จับน้องจีปล้ำกลางกองถ่้าย นี่ถ้าไม่ได้แทยังค่อยกันไม่ให้จู๋จี็กัน เอ้ย ไ่ม่ให้ทะเลาะกันนี่ อาจจะได้ดูมากกว่านี้ 5555  แถมท่อนที่ร้องใส่หน้าเทมโป นี่เหมือนกับบอกรักเป็นนัยๆ แต่อีกฝ่ายกลับมีคนอื่น(? นางเอก MV? )
네가 없인 단 하루도 못 살것만 같았던 나
ฉันคิดว่าจะไม่สามารถอยู่ได้ แม้แต่วันเดียวที่ไม่มีเธอ
생각과는 다르게도 그럭저럭 혼자 잘 살아
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถอยู่ได้นานกว่าที่คิด
보고싶다고 불러봐도 넌 아무 대답없잖아
เธอไม่ตอบฉัน ตอนที่ฉัน "อยากเจอ"
헛된 기대 걸어봐도 이젠 소용없잖아
ฉันหวังกับความหวังลมๆแล้งๆ แต่ตอนนี้มันไม่มีค่าแล้ว
 
ท่อนฮุก ความหมายดี เสียงแดซองก็เพราะ
돌아보지말고 떠나가라 또 나를 찾지말고 살아가라
อย่ามองกลับมาและไปซะ  อย่าตามหาฉันอีกและอยู่ต่อไป
너를 사랑했기에 후회없기에 좋았던 기억만 가져가라
เพราะฉันไม่เสียใจที่ได้รักเธอ เอาแค่ความทรงจำดีๆไป
그럭저럭 참아볼만해 그럭저럭 견뎌낼만해
ฉันสามารถรับมันได้ในบ้างมุม ฉันสามารถทนมันได้ในบางเวลา
넌 그럴수록 행복해야돼 하루하루 무뎌져가네
เธอต้องมีความถ้าเธอเป็นอย่างนี้ วันต่อวัน ฉันกำลังตายลงช้าๆ
โอ๊ะ !! ประทับใจ
 
ฉากให้แหวนที่โรง’บาล ก็น่าสนใจ แหม ตอนที่ดู MV ฉากนี้ครั้งแรก ได้ยินประมาณว่า ซารัง ซารังแฮ อะไรเนี่ยแหละ นึกว่้าเทมโปจะขอหมั้นซะอีก ^^  แอบฮาตัวเอง คิดไปได้ แต่จะไม่ให้คิดได้ไง จียงอุตส่าห์พยายามเดินผ่านไปแล้วนะ แต่เทมโปคว้าข้อมือน้องจีเอาไว้เนี่ย อืืม.. น่าสนใจ 
เอาเป็นว่า MV ดี ให้คะแนน10เต็ม10ไปเลย ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดี จียงก็แสดงออกชัดเจน แสดงอารมณ์ดีมาก ได้ช่าวว่าอินมาก เล่นเกินบทจนบาดเจ็บแต่ก็ไม่เลิกแสดง อืม ลงทุน… แค่ก็คุ้มค่ามาก ชอบๆ  คนอื่นก็แสดงกันดีเช่นกัน
แต่ดูไปก็แอบงง  ตกลงว่าปาร์คมินยงเป็นนางเอก จีเป็นพระเอก ใช่มั๊ย  แต่เนื้อเพลงที่สองหนุ่มร้องให้กันเนี่ย มันทำให้เข้าใจอีกแบบ ว่า เทมโปเป็นพระเอก จียงเป็นนางเอก ส่วนมินยงเป็นต้นเหตุของเรื่อง ประมาณเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอะไรประมาณนี้  เหอๆๆ ช่างจินตนาการจริงๆเรา
ใน MV นี้ ดูแล้ว ไม่รู็ว่ามินยงทำถูกรึเปล่า ที่ผลักไสจียงออกไป ไม่ให้จียงรู้ว่าตัวเองป่วยใกล้ตาย เผื่อไม่ให้จียงต้องมาเจ็บปวด เสียใจเผื่อเธอ หรือไม่ ก็ไม่อยากให้คนรักต้องมาเห็นตัวเองในสภาพแย่ 
ดูแล้วสงสารจียง เห็นแฟนมอบแหวนคู่ที่จียงเคยให้ไป มาให้กับเทมโป หนึ่งในเพื่อนสนิท เห็นควงคู่กัน โอบไหล่้ต่อหน้า แถมเทมโปยังทำหน้าเลวใส่อีก ชิชะแต่ก็หล่อ
เฮ้อ! ถึงมินยงกับเทมโป และเพื่อนๆ จะพยายามทำให้จียงตัดใจ แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้จียงเจ็บปวดมากขึ้น ถ้าไม่ได้แดซองห้ามไว้ ซึงรึคงเข้าไปบอกความจริงแล้ว โดร่าเอมอนงี่เง่า แง่งๆ ดูสิ ไปห้ามทำไมเนี่ย น้องจีของชั้นแทบไม่เป็นผู้เป็นคน นีี่ถ้าไม่ได้พ่อพระแทยัง โทรไปบอกนะ จีมันคงโง่ต่อไปแน่ๆ
ใครได้ดู MV แล้วก็อย่าไปโกหกใครเลย พูดกันดีๆจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเสียใจแบบใน MV
 
 
เฮ้อ !!ตอนนี้กำลังคลั่ง bigbang more and more  เพลงโดนใจหลายเพลง ทำนองก็ดี แต่งเพลงกันเองอีก โอ๊ะ อดชื่นชมคนมีความสามารถไม่ได้…
ใครรู้จักเพลง Tell me บ้าง หลายคนอาจจะจำกันได้ อ๊ะๆ ไม่ใช่เพลงของ Hide น่ะ อันนี้ก็เยี่ยม แต่ไม่ใช่ที่จะพูดในวันนี้
Tell me ในที่นี่หมายถึง เพลงน่ารักของสาวน้อย wonder girls ต่างหาก แต่เราไม่ได้จะพูดถึงสาวน้อยวงนี้เช่นกัน  เราจะพูดถึงจียง และ Bigbang
ถ้าใครได้มีโอกาสดูคลิปที่จียงเต้นเพลง Tell me แล้วจะกรี๊ดจียงมาก เริ่ดสุดๆ น่ารักมาก อ๊า~   ใครไม่เคยเห็น กรุณา search ด่วน  ใน youtube น่าจะมีอยู่แล้ว ดูแฟนแคมที่เน้นจียงจะดีกว่านะ  เคะมากๆ สาวๆwonder girls ชิดซ้ายไปเลยละ คนอื่นชั้นไม่สน ที่เต้นโดนใจสุดก็จียงนี่แหละ เธอน่ารักน่าฟัดมั๊กๆ 
อยากได้น้องชายแบบนี้จัง ได้น้องเขยแบบเทมโปก็ดี ฮุฮุ
 
 
 

Posted in BIGBANG | 5 Comments

Happy with Korean Fiction and Cover#2

เผ้ารองานนี้มานาน ในที่สุดก็มาถึง
งาน KFC#2 ครั้งนี้จัดที่ห้องประชุมของอาคารรวมจิตเพียรธรรม โรงพยาบาลเซ็นหลุยซ์ งา่นให้เข้าเที่ยง แต่ใจร้อนเลยไปถึงก่อนเป็นชั่วโมง อย่างน้อยก็ไปประทับตราเข้างานแล้วก็รับโปสเตอร์ที่ระลึกลายทงบัง แต่ดันลืมเอาที่คั่นที่เค้าแจกมาด้วย เสียดายอะ มานึกได้ตอนจะกลับ ซึ่งก็ไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่ลายสาวๆที่ไม่อยากได้ ระหว่างที่คอยก็พาน้าไปกดตังค์แล้วก็เดินในโรงบาลเล่นสักพักก่อนกลับมารอเข้างาน

ถ้ามาจาก BTS จะต้องผ่านโบสถ์เซ็นหลุยซ์ก่อน เห็นโบสถ์ก็อดคิดขำไม่ได้ วันนี้มีมิซ่า น้าปุ้ยจะได้ไปร่วมมั๊ยน่ะ สรุปว่าไม่ได้ไปค่ะ พระเจ้าจะทรงลงโทษมั๊ยเนี่ย ไม่ไปมิซ่า แต่ไปเย้วๆอยู่กับหลานเนี่ย ^^

พูดถึงเรื่องงาน KFC ต่อดีกว่า
พอประตูห้องประชุมเปิดออก ฝูงชนทั้งหลายก็กรูกันไปตามบูธที่ตัวเองหมายตาไว้ เบียดเสียดแย่งกันเข้าไป เป็นการออกกำลังกาย ฝึกความคล่องตัวไปในตัวเลยทีเดียว
งานจัดค่อนข้างดีนะ แอร์เย็น ไปไม่ลำบากเท่าไร มีที่จอดรถสะดวกมาก แต่ถ้าคราวหน้า คนเยอะกว่านี้ อาจจะต้องไปจัดที่ศูนย์สิริกิต หรือ อินแพคกันไปเลย 555
อย่างไร ก็ต้องขอบคุณพวกสตาฟ ทีมงานตามบูธต่างๆที่คอยบริการพวกเรานะค่ะ

ขอบ่น คนที่ไปซื้อของไม่ค่อยเข้าแถวกันเลย โดนแซงคิวบ่อยมาก จริงๆบางบูธก็บอกแล้วว่าให้ต่อคิว แต่เนื่องด้วยคนเยอะ ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง เลยต้องเหนื่อยกันหน่อย

ส่วน OPV ทั้งหมดที่นำมาฉายในงาน อยากให้มีไรท์ขายมากๆ มี OPV ดีๆหลายตัวเลย แต่ไม่ว่างดูอะ แบบว่าต้องรีบซื้อของก่อน อารมณ์ประมาณว่าใครจะเปิดอะไรก็เปิด ขอฉันซื้อของให้ครบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ประมาณนั้น ทำให้พลาดไปอย่างน่าเสียดายนิดๆี

ได้หนังสือกลับมาเยอะมาก ดีที่ว่าจองและจ่ายเงินล่วงหน้า้ไปก่อนหลายเล่ม เลยไม่ต้องเสียเวลาจ่ายตังค์ แต่ผ่านไปเกืือบชั่วโมง ก็ยังได้ของมาไม่ครบ แต่หนังสือตอนนี้น ก็น่าจะ 30 เล่มได้ ซึ่งหนักมาก เล่มนึงไม่ใช่บางแล้วนี่เกือบ 30 เล่ม แถมต้องถือไปเบียดคนอื่นไปด้วย เล่นเอาแขนล้ากันเลยทีเดียว ดีที่บีไปด้วย เลยมีคนช่วยถือของ แต่สุดท้ายทนไม่ไหว ต้องรีบเอาของกลับไปเก็บในรถก่อนรอบนึง ดีที่น้าขับรถมา เพราะสองคนน้าหลานซื้อปริมาณไม่ต่างกันเลย  พอถือของเดินออกไป น้องแถวนั้นมองตามกันเลยทีเดียว คงสงสัยว่าซื้อไปขายหรืออย่างไร หิ้วถุงเยอะมาก ดีที่เตรียมถุงใบใหญ่ไปด้วย2-3ใบ เลยถือสะดวกขึ้นมานิดนึง

พอเอาไปเก็บที่รถแล้วก็กลับมาลุยที่งานต่อ  กลับมาทันดู OPV บางตัว ซึ่งน่ารักมาก น้องทำกันได้ดีมาก จนต้องรีบไปหาซื้อหนังสือเรื่องนั้นมาเก็บไว้ก่อน แม้ว่าจะพยายามตัดใจ ไม่ซื้อหนังสือหลายเรื่อง แต่ก็ได้กลับมาทั้งหมด 38 เล่ม จองไว้อีก 13 เล่มโดยประมาณ เล่นเอาเดือนนี้กรอบไปทั้งตัว กรอบมากถึงมากที่สุด แต่ก็มีความสุขมากถึงมากที่สุดเช่นกัน ฮี่ๆ  ทว่ากลางๆเดือน อาจจะคิดอีกแบบก็เป็นได้ นี่ขนาดยังไม่ทันจะเริ่ิ่มเข้าเดือนกันยา ก็หมดเงินไปหลายแล้ว แอบเศร้า

ได้ฟิค bigbang กลับมาด้วย เรื่อง this love  ฮาและสนุกมาก ทำให้ชอบเทมจีมากขึ้น อิอิ เล่นขนสมาชิกค่าย YG อย่างเฮียเว่น กับ แทบินมาสร้างสีสันด้วย
อ่านแล้วอิจฉาจียงในเีรื่องอย่างแรง เทมโปแบบว่าซี่อ เท่์ห์ และน่ารักได้ใจแม่ยกกันเลยทีเดียว ผู้ชายแบบนี้ ใช่เลย
จะว่าไปก็ชอบตาของเทมโปนะ สวยดี ถ้าได้จ้องตากับเทมโปละก็… กรี๊ด อยากกินเด็ก   ไม่่ ไม่ สติกลับมาก่อน  เฮ้อ เด็กมันน่ารักอะนะ ดีที่อายุเกิน 18 กันแล้ว จะได้ไม่โดนคดีพรากผู้เยาว์
พูดถึง bigbang แล้ว ก็นึกถึงยองเบ หรือทีู่รู้จักกัน SOL หรือ แทยัง ที่น้องออก Single เดี่ยวมา ชื่อเพลงอะไร จำไม่ได้แล้ว ที่เกณฑ์เอาสมาชิก bigbang มาร่วมแสดงใน MV ด้วยอะ ดูแล้วก็เท่ห์ดีนะ แทยังกับเทมโปเท่ห์มากค่ะ หล่อกระแทกใจ  แต่เอิ่ม ที่เห็นแฟนสาวของยองเบ ไปควงกับ แดซองและซึงรึนี่สิ อืม สเปคของแฟนสาวในเรื่องท่าจะมีปัญหา จียงกับเทมโปนน่าสน ใครๆก็อยากควง แต่แดซองและซึงรึเนี่ยสิ น้องอยากได้แฟนและลูกชายในเวลาเดียวกันเหรอค่ะ พอเห็นช่วงที่สาวเจ้าควงสองหนุ่มนี่ ก็เแอบขำไม่ได้แฮะ

อ่อ กลับไปพูดถึงงาน KFC ก่อน พอสัก 2โมงกว่า ก็คิดว่าควรจะกลับกันได้แล้ว  ขืนอยู่นานมีหวังกระเป๋าฉีกเป้นแน่แท้  ก็เลยว่าจะไปหาอะไรทานทีี่่อารีรีงแถวสาทรซอย 12 ตอนจะไปก็ยังไม่รู้ว่าสาทรซอย 12นี่อยู่ตรงไหน นึกว่าจะไปยาก ที่ไหนได้ อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลเซ็นหลุยซ์ เยิ้องๆกันนิดหน่อยนี่เอง
ร้านตกแต่งสวย บริการดี มีปุ่มให้เรียกหนักงานด้วยอะ ไฮโซ แล้วก็ทานกันอิ่มตื้อเลย เป็นร้้านอาหารเกาหลีร้านแรกที่เห็นว่ามีของหวานด้วย

ว่าจะซื้อทาร์ตไข่ ร้าน ka-nom ที่สยามไปฝากที่บ้านซะหน่อย (แอบฮา ชื่อร้าน น้าบอกว่าเจ้าของร้านเคยพูดว่าชื่อร้านไม่ใช่ ขนม แต่เป็น คานม ต่างหาก มิน่า ติดใจกันใหญ่เลย 555) แต่เนื่องจากของเยอะมากบวกกับสังขารไม่เอื้ออำนวย น้าเลยต้องไปส่งที่บ้านแทน ^^

 

Posted in Books | 2 Comments

Neo and snake

เมื่อวาน เพิ่งพานีโอไปหาหมอมาตามทีนัดครั้งสึดท้าย หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ให้ระวังเรื่องโรคหัวใจแทน ให้ระวังเรื่องน้ำหนักด้วยเพราะอาจทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย  ตอนนี้ก็เลยต้องเริ่มทำการลดน้ำหนักทั้งบ้านเลย ไม่รู้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ก็จะพยายามเท่าที่จะทำได้

วันนั้น  ตอนที่แม่ตะโกนบอกว่านีโอโดนงูกัด ทำให้หวนไปนึกถึงตอนที่แม่บอกว่าไวท์โดนรถชนเลย ตอนนั้นยังนึกว่าแม่พูดเล่น ไม่ได้รีบออกไปดู พอไปถึง มันก็ตายพอดี คิดแล้วก็ยังเสียใจอยู่ พอคราวนี้ได้ยินแม่เรียก ก็รีบออกไปดู เห็นนิโอร้องและวิ่งยกขาหน้ามาหา เลยคว้าเอาเศษผ้าแถวนั้น มามัดไว้เหนือแผล แล้วคว้ากุญแจรถสตาร์ทออกไปกับแม่แทบไม่ทันเลยละ
โชคดีที่ยังเช้า ตี5กว่าๆ รถไม่ติด เลยไปโรง’บาลม.เกษตรเร็ว มาถึงภายใน 10-15 นาที
พอไปถึงแผนก ER ตอนที่บอกว่านีโอโดนงูกัด ก็กังวลไปเรื่อย เพราะไม่รู้ว่างูที่กัดเป็นงูอะไร ไม่อยากจะคิดว่าเป็นงูพิษ แต่จากที่เคยอ่านๆมา ถ้าไม่เห็นตัวงู แต่รอยเขี้ยวมี 2รู ให้สันนิษฐานว่าเป็นงูพิษได้เลย แล้วแม่ที่เห็นงู ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นงูอะไรเช่นกัน เพราะตอนตี5กว่าๆเนี่ยก็ยังมืดอยู่ เห็นลวดลายงูก็ไม่ชัด ไม่ใช่งูเขียวแน่ แต่สีงูก็ไม่ดำสนิท มันงดตัวอยู่บนพื้นหิน ฝังตรงข้ามกับน้าบ้าน
หมอถามว่าโดนงูอะไรกัด ก็บอกกันไม่ได้ แถมนีโอก็ร้องตลอด ตอนนั้นก็หวังพึ่งหมออย่างเดียวเลย ขาที่โดนกัดก็เริ่มบวม สุดท้ายหมอก็ตัดสินใจจะฉีดเซรุ่มแก้พิษงูเห่าให้  (ถ้าฟังที่หมดพูดไม่ผิดอะนะ)

หลังจากนั้นก็รอดูอาการไปก่อน พอผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขานีโอบวมอย่างเห็นได้ชัด ไม่เกี่ยวกับนำเกลือที่ให้แน่นอน เพราะให้คนละข้างกับที่โดนกัด  หมอก็แวะมาดูอาการบ่อย แล้วก็ฉีดยาระงับการปวดเพิ่มนิดหน่อย

พอผลการตรวจเลือดออกมา หมอก็เดินมาบอกว่าผลตรวจจากเลือดปกติ  ดูจากแผลและอาการของนิโอ ก็จัดว่าอยู่ในระดับความรุนแรงน้อย  ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่น่าห่่วงมาก แต่ต้องอยู่ดูอาการต่อ เพื่อให้แน่ใจว่าฉีดเซรุ่มถูกชนิด เนื่องจากเราไม่ได้เอางูมาด้วย เซรุ่มที่ฉีดเข้าไป อาจจะผิดประเภทก็ได้  
เอิ่ม ก็บอกหมอไปเหมือนกันว่าตกใจอะ แต่หมากับงู ก็คิดถึงหมามากกว่าอะนะ เลยรีบพาหมามาหาหมอดีกว่า ถ้ามัวแต่ตีงู หมาก็อาจจะไม่รอด   ยังแอบประชดเลยว่าถ้าคราวหน้ามีอีก จะถ่ายรูปงูมาให้หมอดูแทนละกัน  แต่ อย่าให้มีอีกเลยจะดีกว่า 
แต่พอคิดๆอีกที หมอก็พูดถูก ถ้าเราสามารพนำซากงู หรือบอกชนิดงูได้ถูก การรักษาก็จะทำได้เร็วขึ้น

วันนั้นก็นั่งเผ้านีโอทั้งชุดปาจามานั้นแหละ นั่งเผ้ากันเกือบครึ่งวัน กว่าหมอจะยอมปล่อยให้กลับบ้านกันได้ เฮ้อ
สุดท้าย หมอก็จ่ายยาแล้วก็ยังนัดดูอาการวันรุ่งขึ้น และก็เมื่อวานอีกรอบ ตอนนี้ก็โล่งไปได้เปราะนึงละ

แล้วก็โชคดี ที่มีเพื่อนเป็นสัตวแพทย์ เลยโทรไปขอคำปรึกษาได้ตลอด ก็ค่อยอุ่นใจขึ้นเยอะ

ยังไรก็ตาม ต่อไป ตอนพานีโอและพรรคพวกไปเดินเล่น ต้องระวังมากขึ้นแล้ว  เฮ้อ…

ปล.
– สันนิษฐานว่า งูที่กัดนีโอ อาจจะแค่ขู่ กัดไม่ไม่ปล่อยพิษ หรือปล่อยในปริมาณที่น้อย จึงทำให้นีโอไม่เป็นไรมาก ซึ่งโชคดีมากถึงมากที่สุด
– แม่เล่าว่างูต้นเหตุมี 2 หัว ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่แปลกที่้ขานีโอมีรอยเขึี้ี้ยวอยู่ 4 รู  ด้านหน้าขา 2รู และ ด้้านหลังอีก 2   

 

Posted in Family | 3 Comments